"ดอกไม้จากเศษผ้า" ชูอัตลักษณ์ชุมชน ส่งเสริมหลักสูตรออกแบบเชิงสร้างสรรค์
GH News August 14, 2025 01:13 PM

เศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บ หลายคนอาจมองว่าไร้ค่า แต่สำหรับ อาจารย์ณมณ ขันธชวะนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิชาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เศษผ้านั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เต็มไปด้วยความหมาย งานที่ไม่ได้เริ่มจากวัสดุ แต่เริ่มจากหัวใจที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและความงามที่ยังคงอยู่แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิตดอกไม้

“แม้แต่ดอกไม้ที่โรยรา... ก็ยังมีความงามอยู่ในตัวเอง” คำพูดของอาจารย์ณมณ สะท้อนแนวคิดที่เชื่อมโยงงานศิลปะและธรรมะ โดยเฉพาะเรื่อง “อนิจจัง” ที่ย้ำเตือนถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ซึ่งกลายมาเป็นมุมมองสำคัญในการสร้างงานจากเศษผ้า ด้วยความเชื่อว่า เศษวัสดุที่เหลือใช้ล้วนมีเรื่องเล่าในตัวเอง และสามารถฟื้นคืนชีวิตให้กลับมางดงามและมีคุณค่าอีกครั้งได้

แนวคิดนี้จุดประกายผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างโครงการ Education Institute Support Activity (eisa) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน) และคณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU ที่ให้นักศึกษาลงพื้นที่ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับชุมชน อาจารย์ณมณได้เห็นเศษผ้าที่ถูกทิ้งเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มทดลองนำมาสร้างเป็นดอกไม้กลายเป็นผลงานที่ทั้งสวยงาม มีความหมาย และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งนักศึกษาและชุมชนได้เรียนรู้

อาจารย์ณมณ เล่าว่า การลงพื้นที่กับชุมชนในหลายๆจังหวัด กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดอกไม้แต่ละช่อมีเรื่องราวในตัวมันเอง ไม่ใช่แค่ “ดอกไม้จากเศษผ้า” แต่เป็น “ดอกไม้ที่สะท้อนตัวตนของชุมชนนั้น” ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้าข้างทาง ดอกไม้ในท้องถิ่น หรือดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของแต่ละจังหวัด

“อย่างที่ชุมชนหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัย อาจารย์ได้นำเศษผ้าขาวม้าสีขาวดำซึ่งสีขาวของเขาจะไม่ใช่ขาวจัด แต่เป็นขาวนวลพอตัดกับสีดำแล้วสวยมาก เราก็เลยเอามาพับจับกลีบเย็บเป็นดอกไม้ โดยดูรูปแบบจากดอกไม้ที่ปลูกในชุมชน” อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิชาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU กล่าว

อีกแห่งหนึ่งคือ ผ้าทอนาหมื่นศรี จ.ตรัง ผ้าที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยลายยกดอก มีสีสันที่สดใส อาจารย์นำมาออกแบบเป็นดอกศรีตรัง ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ส่วนที่ชุมชนบ้านไทรงาม           จ.สระแก้ว มีผ้าลายเกล็ดเต่าที่ใช้ผ้าฝ้ายทอผสมกับหญ้าแฝก ทำให้มี texture พิเศษ สีสวย เนื้อหนา เศษผ้านำมาใช้งานค่อนข้างยาก เพราะริมผ้าลุ่ยง่าย อาจารย์จึงต้องเย็บเก็บริมก่อนนำมาขึ้นรูปเป็นดอกไม้

อาจารย์ณมณ อธิบายต่อว่า ก่อนที่จะเอาเศษผ้ามาทำดอกไม้ได้คุยกับชาวบ้านให้เขามีส่วนร่วมว่า อยากให้ดอกไม้นี้เป็นตัวแทนอะไรในชุมชนบ้านของเขา บางคนก็พาไปดูต้นไม้ในท้องถิ่น เช่น ที่ชุมชนร้อยรักษ์ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ชาวบ้านพาเดินไปดูต้นสะแบงที่ยืนต้นอยู่กลางท้องนามีอายุมากกว่า 100 ปี ซึ่งชุมชนมีความผูกพันกับสะแบงต้นนี้ พอนำเศษผ้ามาทำเป็นลูกสะแบง เขาก็จะภูมิใจว่า นี่แหละ ของบ้านเรา

นอกจากการประดิษฐ์ดอกไม้ติดเสื้อ เข็มกลัด หรือของชำร่วยขนาดเล็กจากเศษผ้า อาจารย์ณมณ ยังต่อยอดงานศิลป์ให้กลายเป็นของตกแต่งบ้านหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพแขวนผนัง กรอบรูป หรือนาฬิกาที่ผสานระหว่างผ้าทอพื้นถิ่นกับงานไม้โดยเฉพาะผ้าลายเกล็ดเต่าที่มีลวดลายพิเศษ เมื่อนำขึ้นโครงไม้เจาะวงกลมด้วยฝีมือที่ประณีต กลายเป็นชิ้นงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยสินค้าขนาดใหญ่นี้จะจำหน่ายได้ในราคา 3,000–4,000 บาทต่อชิ้น

“ส่วนของใช้ขนาดเล็ก เช่น เข็มกลัดหรือพวงกุญแจ ราคาจะอยู่ที่ 100–250 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของงาน ขณะที่ดอกไม้ประดิษฐ์ช่อเล็กจากเศษผ้าอย่างดีจำหน่ายในราคา 150–200 บาทต่อดอก ซึ่งไม่เพียงสร้างมูลค่าให้วัสดุที่เหลือใช้แต่ยังเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม” อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิชาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU กล่าว

นอกจากนี้ อาจารย์ณมณ ยังลงพื้นที่ถ่ายทอดเทคนิคให้กับชาวบ้านและเด็กนักเรียน ผ่านกิจกรรมเวิร์กชอปทั้งในชุมชนและเวทีอีเวนต์ใหญ่เช่น งาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) หรือที่             จ.สระแก้ว ได้ลงไปสอนการทำดอกไม้จากเศษผ้าให้กับชุมชนและเด็ก ๆ ในโรงเรียน หลังจากจบกิจกรรม หลายคนยังสานต่อด้วยตนเอง ส่งภาพผลงานกลับมาให้ดูพร้อมบอกว่าเริ่มมีรายได้จากการขายงานเหล่านี้แล้ว ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้คนในชุมชน

สำหรับการเรียนรายวิชาออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกินกว่าทฤษฎีในห้องเรียน โดยอาจารย์ณมณ กล่าวว่า ตนได้นำผ้าทอพื้นถิ่นมาใช้เป็นสื่อการสอน เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจตั้งแต่ต้นทางของการผลิตผ้า ไปจนถึงการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์และคุณค่าของชุมชน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่บูรณาการศิลปะ การย้อมไหม ทอผ้า และการออกแบบอย่างสร้างสรรค์

“นักศึกษาจะได้เรียนรู้กระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้เห็นและสัมผัสความตั้งใจของชาวบ้านที่อยู่เบื้องหลังผ้าทุกผืน และเมื่อได้นำสิ่งเหล่านั้นมาต่อยอดเป็นงานสร้างสรรค์ของตนเอง มันไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่คือเรื่องราวและคุณค่าที่มีชีวิต” อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิชาการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU กล่าว

อย่างไรก็ตามคณะศิลปกรรมศาสตร์มีแผนต่อยอดชิ้นงานเหล่านี้ไปสู่แบรนด์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ โดยนำเศษผ้าจากการเรียนการสอนในหลักสูตรแฟชั่น มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าและใช้งานได้จริงในหลากหลายรูปแบบ

​​​​​​​ ​​​​​​​

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.