ขอแสดงความยินดีกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย
นับแต่นี้ต่อไปนายอนุทินจะรับภาระหนัก นำพาประเทศไทยไปตามเอ็มโอเอ 5 ข้อที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน
ทั้งยุบสภาใน 4 เดือน ประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยให้พรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้าน
เบื้องต้นนายอนุทินแสดงความตั้งใจที่จะทำหน้าที่และรักษาสัญญาอย่างเต็มที่
การฟอร์มคณะรัฐมนตรี เป็นไปอย่างรวดเร็ว รายชื่อว่าที่คณะรัฐมนตรีปรากฏออกมาแทบจะทันที ขณะที่นายอนุทินก็ดำเนินการทาบทามรัฐมนตรีคนนอกอย่างเปิดเผย
ดึง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรัฐมนตรีการคลัง ดึง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน ดึงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
พร้อมกันนั้นยังทาบทามคนนอกมานั่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า ทาบทาม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกฯ ดูแลด้านกฎหมายด้วย
จากปฏิบัติการที่รวดเร็วทำให้นายอนุทินประกาศว่าบัญชีรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่จบ 100 เปอร์เซ็นต์
รายชื่อรัฐมนตรีที่เป็นกระแสข่าว พบว่า หลายคนจะเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ “จริยธรรม” ทำให้พลาดเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว
และมีความเป็นไปได้ว่า หากปรากฏชื่อเป็นรัฐมนตรีในชุดปัจจุบัน อาจมีการยื่นคำร้อง
ต้องยอมรับว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ผลของการตัดสินจะเกิดความชัดเจนขึ้นในหลายมิติ
ทั้งมิติของรัฐบาล มิติของพรรค และมิติของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งมิติของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และองค์กรอิสระ
ขณะเดียวกัน ในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่า ข้อเสนอเรื่อง “คนละครึ่ง” ที่ภาคเอกชนเรียกร้อง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงร้านอาหารนั้น รัฐบาลใหม่สนใจจะปัดฝุ่น
ในด้านคดีความ นายอนุทินตอกย้ำว่าคดีที่มีข้อกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยนั้นไม่จริง แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงให้โปร่งใสขึ้นมา
ในวันที่นายอนุทินรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกฯ นายอนุทินได้เปิดแนวทาง 4 ด้าน ที่จะทำงานใน 4 เดือน ทั้ง แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความมั่นคง แก้ปัญหาภัยธรรมชาติ และแก้ปัญหาสังคม
ถือว่าจังหวะก้าวแรกของนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 มีการสื่อสารเพื่อให้สังคมเกิดความมั่นใจได้ดี
หลังจากนี้จึงเหลือแต่การปฏิบัติ และผลสำเร็จจากการปฏิบัตินั้นๆ
ทั้งนี้ ประเมินว่า จุดได้เปรียบของพรรคภูมิใจไทยที่สามารถทำให้สิ่งที่พูดให้สำเร็จได้นั้นมีหลายประการ
หนึ่ง ระยะเวลา 4 เดือน รัฐบาลชุดใหม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่เพราะมีงบประมาณ มีมาตรการที่เคยทำสำเร็จอยู่แล้ว เพียงแค่ปัดฝุ่นมาตรการต่างๆ ออกมาเท่านั้น รัฐบาลก็มีผลงานออกมาได้ไม่ยาก
หนึ่ง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย สร้างข้อบาดหมางกับสมเด็จฯฮุน เซน และนายกฯฮุน มาเนต ของกัมพูชา และเมื่อนายอนุทินได้ขึ้นเป็นนายกฯไทย ทั้งพ่อและลูกผู้นำเขมรก็ออกมาแสดงความยินดี
จึงเป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายไทยและเขมรอาจหาทางลงจากเวทีมวยที่ชกต่อยกันมาก่อนหน้านี้
หนึ่ง พรรคภูมิใจไทยแม้จะถูกกล่าวหาจากพรรคเพื่อไทยว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์ แต่สำหรับฝ่ายราชการ และกลไกตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันต่างเห็นพ้องกับฝ่ายอนุรักษ์
รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงได้เปรียบในแง่ของการได้รับความร่วมมือจากกลไกต่างๆ เหล่านั้น เพื่อทำให้ภารกิจ 4 ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และสังคม ประสบผลสำเร็จ ไม่ถูกขัดขวางเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา
นี่อาจจะเป็นจุดแข็งของพรรคภูมิใจไทย และรัฐบาลปัจจุบัน
เหลือเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี่แหละที่ต้องเฝ้าติดตามว่า ภารกิจนี้จะสำเร็จตามเงื่อนไขหรือไม่ และอย่างไร
นฤตย์ เสกธีระ