‘ขนส่งทางบก – กรมศุลฯ’ ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ One Stop Service หนุนการค้าชายแดน-เชื่อม R12 จีน-เวียดนาม ดันเป็นฮับขนส่งอาเซียน
18 ก.ย. 2568 – นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ว่าโครงการดังกล่าวฯเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ภายใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสถานีปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากระหว่างประเทศสู่ภายในประเทศ และรองรับการเชื่อมต่อจากถนนไปสู่ระบบราง (Modal Shift) ผ่านโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่–นครพนม เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนตามเส้นทาง R12 เข้าสู่จีนตอนใต้และเวียดนามตอนเหนือ
สำหรับศูนย์การขนส่งชายแดนแห่งนี้ยังจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์และสินค้าบรรจุหีบห่อ (Break Bulk Cargo) รวมทั้งเป็นศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ที่สามารถดำเนินพิธีการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว โดยกรมการขนส่งทางบกและกรมศุลกากรได้ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันให้สามารถดำเนินพิธีการศุลกากรภายในศูนย์ได้อย่างครบวงจร ตามมติคณะรัฐมนตรี
“ความคืบหน้าของโครงการในส่วนที่ภาครัฐรับผิดชอบแล้วเสร็จไปกว่า 99% ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ใช้ประโยชน์โดยตรง ส่วนภาคเอกชนโดยบริษัท เอสเอซีแอล จำกัด ผู้ร่วมลงทุน ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 100% ครอบคลุมอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น อาคารรวบรวมและกระจายสินค้า อาคารคลังสินค้า อาคารซ่อมบำรุง พร้อมทั้งการติดตั้งเครื่องมือและระบบต่างๆ คาดเปิดให้บริการต้นปี2569”นายจิรุฒน์ กล่าว
ด้านนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่าสำหรับมูลค่าการค้าชายแดนของด่านศุลกากรนครพนม ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงเดือนสิงหาคม มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 133,973 ล้านบาท โดยสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า แบตเตอรี่ และปุ๋ยเคมี ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ผลไม้สด เครื่องดื่มชูกำลัง และโคกระบือมีชีวิต การเปิดให้บริการของศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมจะช่วยเสริมบทบาทของจังหวัดนครพนมในฐานะ ศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อีกทั้งกรมศุลกากรยังมีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการพิธีการศุลกากรภายในศูนย์ดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ สนับสนุนการค้าชายแดน และกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับจังหวัดและประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบ จะไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและพิธีการศุลกากรเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน รองรับการค้า การลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคตอย่างยั่งยืน