สรุปดราม่า! "ออม สุชาร์" เปิดใจครั้งแรก ย้ำรัก Fleen แต่ไม่ไว้ใจ "พริม"
GH News September 19, 2025 06:16 PM

วันที่ 19 ก.ย.68  เพจ อรรถรส  บทสรุปประเด็นดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ผ่านรายการโหนกระแส  ฝั่ง "ออม สุชาร์" โดยระบุว่า ...

จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ

ออมบอกว่า ตนรู้จักกับพริม ผ่านทางผู้จัดการเก่า คือ ศสา และตนก็มีแนวคิดอยากทำธุรกิจด้วยเช่นกัน

ยอมรับว่าตลอดช่วงที่ทำธุรกิจร่วมกัน มันมีความสุขมาก มันมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา

ซึ่งตอนแรกทางฝั่งคุณพริม เป็นคนเจรจาเรื่องหุ้น คือ พริน 51% ออม 45% ศสา 4% ออมบอกว่าตอนนั้นตนยอม เพราะเราอะไรก็ได้ ด้วยความที่เราเป็นดารา ไม่ได้เก่งตัวเลข ดารามันจะคิดอะไรซับซ้อนได้เหรอ

แต่เมื่อวานทางฝั่งพริมบอกว่า คนที่มาขอเจรจาปรับหุ้นตลอด คือ ทางฝั่งออม จากตอนแรกที่พริมขอหุ้นมากสุด จนสุดท้ายออมขอให้หุ้นเท่ากัน

ออมทราบว่า พริมเคยทำแบรนด์ RAD มาก่อน กับดาราท่านหนึ่ง และเราก็คิดว่า เขาเลิกทำไปนานแล้ว เพราะมันไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว และตัวเขาเอง ก็บอกว่า เขาดรอปไว้

ซึ่งออมบอกว่า ถ้าตอนนั้นรู้ว่าเขาทำ RAD อยู่ตนยืนยันว่า ตนจะไม่ทำธุรกิจร่วมกับพริม

 

จุดที่ทำให้เกิดรอยร้าวกัน

วันที่ 10 ม.ค คือน้องสาว เข้าไปใน Google drive แล้วไปเห็น โลโก้ของแบรนด์ RAD ที่เขาเหมือนจะรีแบรนด์ใหม่ออกมา

ซึ่งทางออม ยืนยันว่าตัวเขาเอง ว่าเขาหยุดทำไปแล้วจริงๆ ซึ่งทางรายการ มีภาพที่ทางคุณพริม พูดคุยกันกับทางคุณออม. โดยมีสินค้า RAD ตั้งวางไว้บนโต๊ะ

เลยเป็นประเด็นสงสัยว่า ก็เห็นว่ามีสินค้าเขาวางบนโต๊ะ แล้วทำไมถึง คิดว่าเขาไม่ได้ทำแล้ว ทางออมก็เลยบอกว่า ถ้าคนเราจะทำ มันก็ต้องมีงบการเงิน เคลื่อนไหว

 

จากนั้นทางทนายของคุณออม ก็เลยอธิบายเพิ่มว่า

RAD จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ

RAD 1 ที่ตั้งก่อนจะเกิด Fleen ทำกับน้ำชา เพราะไม่มีการยื่นงบ เลยคิดว่าไม่ทำแล้ว

RAD 2 มีจดทะเบียน กันยายน 67 หลังจากที่จดทะเบียน Fleen โดยมีพริมกับสามีเป็นกรรมการ

**จึงเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องเรื่องประเด็นค้าแข่ง แม้ไม่มีสัญญาตกลงกัน แต่ในผลทางกฏหมาย ไม่สามารถทำธุรกิจในไลน์เดียวกันได้

RAD 3 ในทางรายการ ทางอังถามว่า ทางพริม ขายบริษัท ให้ทางพี่สาวของพริมใช่ไหม

มันมีประเด็นคลิปใน Tiktok ที่ทางออมก็ยังใช้สินค้าของทางแบรนด์ RAD ออมบอกว่า มันเป็นสินค้าที่เขาเอามาให้ เหมือนสินค้าค้างสต๊อก ทางทนายแก้วเลยบอกว่า ถ้าเขามีสินค้ามาให้เรา มันก็เหมือนว่าเขายังทำอยู่ไม่ใช่เหรอ

พอหลังจากที่เห็นโลโก้ วันที่ 25 ม.ค ก็ได้มีการพูดคุยกันกับทางพริม โดยทางออม โชว์หลักฐานคลิปเสียงสนทนากับทางพริม ซึ่งมีการคุยกันว่า "จริงๆตั้งใจจะบอก ตัวนั้นมันยังเป็นซากอยู่เลย ยังหาไทม์ไลน์บอกไม่ได้"

ซึ่งมีประเด็นก่อนหน้านั้นทางพริมได้ มาทำเอกสาร ข้อตกลงว่าไม่ให้ออมรับพรีเซนเตอร์ในไลน์ความงาม ส่วนพริมสามารถไปทำธุรกิจอื่นได้ ซึ่งออมมองว่ามันไม่เป็นธรรม ก็เลยไม่เซ็น

แต่ออมมองว่า ตนเป็นดารา มีมูลค่า และ Fleen เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ไม่รู้ว่ามันจะออกหัว หรือออกก้อย แล้วสัญญานี้มันมัดเราไปตลอด

ส่วนคำพูดที่ว่า "ก็ให้ไปทำธุรกิจอื่นได้" คำว่าอื่นๆ หมายถึง ไม่ต้องมาแข่งกับบริษัท อย่างเช่น ไปทำ ครีม อาหารเสริม

ออมบอกว่า การทำธุรกิจตนเป็นแบบลักษณะสัญญาใจ และที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้ไปรับพรีเซนเตอร์แบรนด์ความงามอันไหนเลย

 

ประเด็นวันที่ไปคุยกับทางศสา เรื่องการชื้อหุ้น เป็นวันที่ 24 ม.ค (แต่ก่อนหน้านั้นมีคุยกับสามีพรินไปก่อน)

ออมยืนยันว่าตนไม่ได้มีการพูดว่า บริษัทขาดทุน หรือไม่ได้กำไร

ตอนที่คุยกันเป็นการเล่าความจริง ว่าทางคุณพริมแอบไปทำอีกแบรนด์หนึ่ง และอยากจะเข้ามาบริหารเอง ไม่ผ่านทางพริม

ตอนแรกเขาขอราคาค่าหุ้น 3 ล้านบาท แล้วก็มีการเจรจาต่อรอง 2.5 ล้านบาท ซึ่งเขาลงทุนไป 1 แสนบาท

ออมยืนยันด้วยแชทหลักฐานว่า ทางฝั่งศสาทราบดีว่า บริษัทไม่ได้ขาดทุน เพราะทางศสา ก็ยังมีการพูดคุยถึงปันผลบริษัท

และถ้าหากศสาบอกว่า บริษัทขาดทุน แล้วเหตุใด ออมถึงอยากจะซื้อหุ้น ถ้าขาดทุน ออมก็ต้องขายหุ้นสิ

จากนั้นทางศสา ก็ได้มีการโทรหาคุณแอมป์ โดยทางน้องสาวออม บอกว่า มันเป็นลักษณะการเรียกเงินกับทางแอมป์ แล้วตนจะไม่ไปเป็นพยาน แล้วจะเอาตัวเองออกจากบทบาทตรงนี้ไปเลย

 

จากนั้นทางศสา ก็โทรโฟนอินเข้ามา

บอกว่า พอตอนนั้นที่ตนขาย ตนไม่ทราบ Value บริษัทเลย เพราะเขาบอกว่า เงินเหลือ 3 ล้าน

แต่พอทราบว่า บริษัทมีกำไรถึง 49 ล้าน พอเขาทราบก็เลยไปเจรจาต่อรองราคา เพราะยังมีใบหุ้นตราสารยังอยู่กับตน

สาเหตุที่ขายหุ้น เพราะเห็นว่าบริษัทไปไม่ได้ แล้วถ้ามันขาดทุน แล้วตนกลัวว่าจะต้องลงทุนเพิ่มอีก ก็เลยยอมขาย

สาเหตุที่โทรหาแอมป์ เพราะ 4% ที่เราขายไป เราไม่รู้มูลค่าจริงๆ บริษัท พอเรารู้ว่า บริษัทขายได้ 49 ล้าน และเดือนมกราคาขายได้ 10 ล้าน เราก็เลยโทรหาแอมป์ เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องเงินเพิ่ม

 

ทางฝั่งออมก็ยืนยันว่าตนไม่ทราบรายละเอียดงบการเงินบริษัท เพราะคนที่รู้ คือ พริม

ถ้ากรณีที่ศสา อยากมาขอชื้อ หุ้นคืน 2.5 ล้านบาท ทางออมบอกไม่โอเค เพราะดูจากพฤติกรรมของศสาแล้ว ไม่ดีกว่า

 

ประเด็นเรื่องค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท

ก่อนหน้ามีการตกลงกันว่า เราจะไม่เรียกค่าตัว กัน เพราะแต่ละคนมี Value

แต่เรื่องการเรียกค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท ออมบอกว่าตนไม่ได้ทำจ่ายบริษัท แต่ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่า บริษัทมีต้นทุนแฝงอะไรบ้าง ก่อนที่บริษัทจะได้ต้นทุนอะไรบ้าง

เป็นการนำเรื่องเข้าบริษัท ว่ามันเป็นสิ่งที่ออม ทำงานไปแล้ว มันยังไม่มีการทำจ่ายเงิน เป็นเพียงการเสนอ

เพราะศิลปินดารา ก็มีค่าพรีเซนเตอร์ แต่พอเราไม่ได้รับความจริงใจ ก็เลยมีจุดตรงนี้เข้ามา

 

ประเด็นที่ไม่ยอมให้ศสา ไปบอกว่าตนขายหุ้น และทางพริมมาทราบอีกทีตอนที่มีการประชุม (ในรายการมีการเปิดคลิป ที่พริมกำลังโทรหาศสา แต่ออมบอกว่า ไม่ต้องโทรเพราะซื้อมาแล้ว)

ออมชี้แจงว่า ถ้าหากอีกฝ่ายรู้เรื่อง มันจะมีปัญหาตามมา และมันก็มีปัญหาจริงๆ

เพราะหลังจากที่เขาทราบเรื่อง ไฟล์ลิปสติก ที่จะเปิดตัว อยู่ๆก็หายไป และคนที่เข้าถึงไฟล์ได้ มันมีแค่ 4 คน

ซึ่งเรื่องนี้ ทางฝั่งออมก็ได้มีการแจ้งความกับทางตำรวจเรียบร้อย และมันก็เป็นเหตุที่ทำให้เราไม่ไว้ใจแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนลบไฟล์

เลยเป็นเหตุให้เราต้องเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท และปลดเขาออกจากคณะกรรมการ

ออมชี้แจงว่า ถ้าสังคมมองว่า ออมแบบไปฮุบบริษัทเขามา คือ อยากให้มองว่า ถ้าวันนั้นเขามาบอกออมตรงๆ ว่าจะทำสิ่งนี้ เรื่องราวก็จะไม่เป็นแบบนี้

 

ประเด็นเรื่องการชื้อขายหุ้น

เรื่องเกิดจากทางพี่ศสา มองว่า การชื้อหุ้น 4% ในราคา 2.5 ล้านบาท มันถูกไป แต่เรามองว่าแพงไปด้วยซ้ำ

ส่วนประเด็นที่เรา ขายหุ้นให้เขา 52% เป็นเงิน 32.5 ล้าน เพราะเขาบอกว่า 4% ของเขามันถูก เราก็เอา 4% ที่เราชื้อ มาเทียบกับ เลยเป็นราคา 52% =32.5 ล้านบาท

ซึ่งถ้าทางคุณศสา หรือคุณพริม เห็น 4% ได้ 2.5 ล้านบาทมันถูก แล้ว 52% =32.5 ล้านบาท ทำไมไม่มาชื้อ เพราะนี้คือ บัญญัติไตรยางศ์เทียบเท่ากัน

ส่วนเรื่องที่เราจะชื้อหุ้นเขา 48% ในราคา 10 ล้านบาท เพราะก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้ว่าเรามีหุ้น 52% เขาคิดว่ามี 48% เขาเลยเสนอชื้อเราที่ 10 ล้านบาท

ส่วนทางฝั่งออม ก็มีการเสนอเขาที่ราคา 11 ล้านและก็มีการบิดกันไปมา

จากนั้นทางรายการ ก็ได้มีการฝั่งโฟนอินกับพริม

( ซึ่งช่วงโฟนอิน มันค่อนข้างคนนั้นก็พูด คนนี้ก็พูด เอาตรงๆ รสงง ขอข้ามได้ไหม )

 

ธงของออม คือ ออมรัก Fleen และอยากทำต่อ ก็ได้มีการเสนอราคา โดยให้บริษัทกลาง เขามาตีราคา ยืนยันอยากซื้อบริษัทมาเป็นของตน

ส่วนที่ออมไม่พอใจ เพราะไปทราบว่า ทางพริมไปแอบเปิดอีกแบรนด์ มันเลยเกิดความไม่ไว้วางใจ ส่วนที่ไม่คุยกับเขาก่อน เพราะตอนนั้นมันมีปัญหากันแล้ว

ธงของพริม คือ แยกย้ายกันไปเติบโต ไม่ต้องทำร้ายกัน ปิดแบรนด์ ปิดบริษัทไปเลย ไม่ไปต่อ

สิ่งที่พริมไม่พอใจ คือ การที่ออม แอบไปซื้อขายหุ้นจากทางศสา 4% โดยไม่มีการมาพูดคุยกันก่อน เพราะบางอย่างมันเหมือนเขาคิดไปเอง

 

 

ขอบคุณ เพจ อรรถรส

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.