‘มัลลิกา’ ไฟเขียว ขบ. เปลี่ยนระบบแท็กซี่ ดึงใช้ Digital Taximeter พร้อมเก็บค่าบริการเพิ่มเติมช่วงเร่งด่วนและกลางคืน แก้ปัญหาปฏิเสธผู้โดยสาร ด้าน ด้านขนส่งฯ ยันเริ่มได้ ธ.ค.นี้

17 ต.ค. 2568 – นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายดำเนินงานและแนวทางขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) โดยระบุว่า การดำเนินงานของ ขบ.ที่ผ่านมา มองมุมของผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก ตอนนี้คงต้องมาให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการด้วย ซึ่งทราบว่า ขบ.อยู่ระหว่างปรับปรุงแอพพลิเคชันให้ใช้งานสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน รวมทั้งยังมีนโยบายที่จะปรับปรุงมิเตอร์แท็กซี่ โดยใช้ระบบ Digital Taximeter ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ต้นทุนน้ำมัน ชั่วโมงการจราจรติดขัด เพื่อทำให้ค่าโดยสารมีความเป็นธรรมมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นโยบายปรับปรุงมิเตอร์แท็กซี่ยังมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร เพราะเชื่อว่าการปรับมิเตอร์ให้เป็นธรรม จะทำให้แท็กซี่ไม่ปฏิเสธการให้บริการ อีกทั้งต้องยอมรับว่าอัตราค่าโดยสารในปัจจุบันใช้มานานหลายสิบปี และพบว่าปัจจุบันรายได้เฉลี่ยต่อวันของผู้ขับขี่เทียบเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น และค่าบริการต่อเที่ยวลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนแท็กซี่ลดลงอย่างมาก จากช่วงก่อนโควิดมีจำนวน 100,000 คัน ปัจจุบันเหลือเพียง 60,000 – 65,000 คัน

“การปรับเปลี่ยนเรื่อง Digital Taximeter จะต้องใช้เวลาและต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนล่วงหน้า เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของทุกฝ่าย ต้องให้เวลาผู้ใช้บริการมีระยะเวลาทำใจก่อน และต้องดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้บริการ”นางสาวมัลลิกา กล่าว

ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า การปรับมิเตอร์แท็กซี่จะศึกษาแล้วเสร็จ ได้ข้อสรุป ธ.ค.นี้ โดย ขบ.ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับอัตราค่าโดยสาร จะยังคงเป็นเกณฑ์เดิม สูตรราคาเดิม แต่ Digital Taximeter จะสามารถคำนวณ การจราจร และ GPS ที่แม่นยำ แต่ขณะเดียวกันในช่วงเวลารถติด ช่วงโมงเร่งด่วน เพื่อความเป็นธรรมแก่แท็กซี่ จะมีการคำนวณจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (Surcharge) โดยกรอบราคาจะเป็นอย่างไรนั้น ยังอยู่ในช่วงของการศึกษา

“Digital Taximeter เป็นระบบที่ใช้ในเกาหลีและญี่ปุ่นแทน โดย ขบ.ยืนยันว่าเป็นการปรับเทคโนโลยี ไม่ใช่ปรับราคา ดังนั้นค่าโดยสารจะยังคงใช้สูตรราคาเดิมทุกอย่าง แต่สามารถนำปัจจัยอื่นๆ มาคำนวณตามสูตรได้อย่างแม่นยำและยืดหยุ่นมากขึ้น”นายสรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ โมเดลการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่จะนำมาใช้กับมิเตอร์แท็กซี่ใหม่นี้ จะจัดเก็บกรณี เช่น ช่วงเวลาเร่งด่วน (Peak Hours) สภาพการจราจรติดขัดในช่วงเช้าหรือเย็น จะมีการพิจารณาให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งช่วงเวลางกลางคืน หลัง 21.00 เป็นต้นไป จะมีการเรียกเก็บค่าบริการพิเศษเล็กน้อย ทั้งนี้ ขบ.ยืนยันว่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อคนขับแท็กซี่ และเป็นมาตรการหลักในการแก้ไขปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัดสูง

รายงานข่าวจาก ขบ. กล่าวว่า การดึงระบบ Digital Taximeter มาใช้ ในช่วงแรก ขบ.จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาค่าโดยสาร แต่จะคำนวณเพิ่มเติมส่วนของค่าธรรมเนียมช่วงโมงเร่งด่วนที่การจราจรติดขัด และช่วงค่ำที่มีรถให้บริการน้อย ซึ่ง ขบ.ไม่ได้บังคับให้แท็กซี่มาปรับเปลี่ยนระบบทั้งหมด แต่จะกำหนดให้รถแท็กซี่ที่ต้องการเข้าร่วม ต้องติดตั้งมิเตอร์ระบบใหม่นี้ ปรับปรุงบริการภายในห้องโดยสาร และต้องเป็นรถใหม่อายุไม่เกิน 4 ปีเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการแท็กซี่ที่ต้องการเข้าร่วมปรับเปลี่ยนระบบ จะต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมิเตอร์เอง ส่วนแท็กซี่ที่มีอายุมากกว่า 4 ปีจะเข้าร่วม ก็สามารถเข้าร่วมได้แต่ต้องมีบริการที่เข้าข่าย ขบ.กำหนด รถต้องสะอาด บริการดี และไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร ทั้งในปี 2568 – 2569 จะมีรถแท็กซี่หมดอายุการใช้งาน และออกจากระบบประมาณ 1.5 หมื่นคัน ดังนั้นแท็กซี่ใหม่ที่จะเข้าระบบก็ต้องเข้าร่วมการใช้ระบบ Digital Taximeter