เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 20 ต.ค. โดยมีวาระสำคัญคือ การให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 คน คือ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังจากที่กรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ที่มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. เป็นประธานกมธ.ฯได้พิจารณาแล้วเสร็จ ในห้วงเวลา เพียง 30 วันจากเวลาทำงานที่กำหนดไว้ตามกรอบ คือภายใน 60 วัน ซึ่งจะครบกำหนดการทำงานในวันที่ 30 ต.ค. นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบุคคลที่เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น เป็นการแทนนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง และ นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ที่พ้นตำแหน่งตามวาระ ของมาตรา 15 ของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ในวันที่ 12 ส.ค. 2568
สำหรับนายอนันต์ และนายณรงค์ นั้น สมัครเข้ารับการสรรหาเป็น กกต. ด้วยคุณสมบัติตามมาตรา 8 (1) (ก) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า5ปี ทั้งนี้มีข้อวิจารณ์ในแวดวงของสว. ว่า ทั้ง 2 คนนั้นอาจมีเส้นสายทางการเมืองที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายการเมืองสีน้ำเงิน เพราะนายอนันต์ รับราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มายาวนาน ขณะที่นายณรงค์นั้นสังกัดอยู่กระทรวงมหาดไทย และดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่อิทธิพลของพรรคการเมืองสีน้ำเงิน
ทั้งนี้ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ให้สัมภาษณ์ว่า สว.เสียงข้างน้อยคงไม่สามารถโหวตทัดทานอะไรได้ เพราะ สว.เสียงข้างมากสามารถคุมเสียงได้เกิน 100 เสียงแล้ว และผลโหวตที่ออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ เพราะต้องขอไปอ่านรายงานการตรวจสอบประวัติในห้องประชุมก่อน ส่วนที่มีข้อวิจารณ์ว่าเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้วุฒิสภาเห็นชอบนั้นส่งตรงมาจากขั้วสีน้ำเงิน ตนมองว่าสื่อมวลชนและประชาชนสามารถพิจารณาได้
“สิ่งที่ผมติดใจ คือ การไม่เปิดเผย ไม่โปร่งใส การตรวจสอบประวัติเป็นความลับหมด ทุกอย่างไปว่ากันในห้องประชุมที่ปิดลับ ผมจึงอยากให้มีความโปร่งใส เพราะเป็นองค์กรอิสระที่ต้องเข้าไปทำหน้าที่ควบคุมและกำกับ อย่างไรก็ตามหลังจากที่สว.โหวตแล้ว ต้องให้ประชาชนคอยเป็นผู้กำกับและตรวจสอบต่อไป” น.ต.วุฒิพงศ์ กล่าว