แท็งก์ความคิด : ผลวิจัย‘อ่าน-ซื้อ’หนังสือ
ความคึกคักของงานมหกรรมหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 9-19 ตุลาคม ทำให้ต้องไปค้นหาอะไรๆ ที่เกี่ยวกับการอ่าน
เข้าไปในเว็บของ Pubat พบผลการสำรวจพฤติกรรมการอ่านและการซื้อหนังสือของคนไทยปี 2567
มี นางอภิญญา อิงอาจ น.ส.พรศรี แหยมอุบล นายนนทวัชร์ แสงลออ เป็นผู้วิจัย
น่าสนใจ
พลิกอ่านไปเพลินๆ พอสรุปได้ว่า นักวิจัยได้สำรวจกลุ่มนักอ่านคนไทยอายุ 12 ปีขึ้นไป ทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 1,180 คน
เป็นการอ่านหนังสือในทุกรูปแบบและทุกแพลตฟอร์ม
สำรวจโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2567-20 มกราคม 2568
พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด อ่านทุกอย่างในรูปกระดาษ เฉลี่ยวันละ 51.37 นาที และอ่านทุกอย่างบนแพลตฟอร์มออนไลน์
เฉลี่ยวันละ 152.10 นาที
สาเหตุของการอ่านมากที่สุด คือ อ่านเพื่อความบันเทิง พักผ่อน แก้เบื่อ และแก้เหงา
กลุ่มตัวอย่าง การอ่านหนังสือ/นวนิยายรายตอนของผู้อ่าน เฉลี่ยอ่านวันละ 50.77 นาที ส่วนมากของผู้อ่านนิยมอ่านเป็นภาษาไทย
และเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการอ่าน พบว่า โดยเฉลี่ยมีสัดส่วนการอ่านเนื้อหาบนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สูงสุด 56.13% รองลงมาเป็นการอ่านบนกระดาษ 26.16% และหนังสือเสียง 15.76% ตามลําดับ
สอบถามการอ่านหนังสือกลุ่มสารคดี ความรู้ และ Non-fiction พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 89.7% ระบุว่าอ่าน
หนังสือที่ชอบอ่านได้แก่ กลุ่มศิลปะ/ดนตรี/ภาพยนตร์ หนังสือกลุ่มท่องเที่ยว หนังสือกลุ่มพัฒนาตนเอง (How to) หนังสือกลุ่มให้กําลังใจ เป็นต้น
การอ่านหนังสือกลุ่มวรรณกรรมหรือเรื่องแต่ง (Fiction) พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ 88.1% ตอบว่าอ่าน
หนังสือที่ชอบอ่านได้แก่ นิยายโรแมนติก นิยายแฟนตาซี มังงะ เรื่องสั้น เป็นต้น
และยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือ 48.4% เห็นว่า ได้อ่านหนังสือน้อยกว่าที่อยากอ่าน
สาเหตุเนื่องจากไม่มีเวลา 17.8% ไม่เจอหนังสือที่ถูกใจ 12.7% และชอบรับข้อมูลจากสื่ออื่นๆ มากกว่า 10.8% เป็นต้น
สำหรับการครอบครองหนังสือ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ 41.7% ซื้อหนังสือบางครั้ง และ 40.6% ซื้อเองทุกครั้ง
ที่ท้าทายบรรดาห้องสมุดทั้งหลาย คือ พบว่า มีกลุ่มตัวอย่างถึง 61.3% ไม่ยืมหนังสือจากห้องสมุด
ยังมีผลสำรวจเกี่ยวกับการซื้อที่พบว่า โดยเฉลี่ยมีสัดส่วนการซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 42.5%
รองลงมาเป็นการซื้อหนังสือกระดาษ 37.26% และหนังสือเสียง 12.95%
หนังสือกระดาษซื้อจากร้านหนังสือมากที่สุด รองลงมา คือ ซื้อจากร้านค้าออนไลน์
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้แบ่งกลุ่มปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอ่านหนังสือออกเป็น 4 กลุ่ม 8 ปัจจัย
กลุ่มหนึ่ง ชอบหนังสือ มี 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.ปัจจัยคุณค่าของหนังสือ 2.ภาพลักษณ์ของหนังสือ และ 3.การส่งเสริมการขาย
กลุ่มสอง มีความคิดเห็นต่อหนังสือ มี 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.หลงใหลในการอ่าน และ 2.การเติบโตส่วนบุคคลจากการอ่าน
กลุ่มสาม ตั้งใจซื้อหนังสือ มี 1 ปัจจัย ก็คือ ตั้งใจซื้อหนังสือ
และ กลุ่มสี่ มีความรักการอ่านหนังสือ มี 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.การครอบครองหนังสือ และ 2.ทูตทางหนังสือ
ทั้งนี้ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ แล้ว ได้พัฒนาแบบจำลองโครงสร้างขึ้นมา
พบว่า 1.การครอบครองหนังสือของผู้อ่านได้รับอิทธิพลเชิงบวกโดยรวมสูงสุดจากภาพลักษณ์ของหนังสือ รองลงมา คือ การส่งเสริมการขาย
หมายความว่า ยิ่งได้รับรู้ถึงภาพลักษณ์ของหนังสือมาก และได้รับการส่งเสริมการขายมาก จะยิ่งทําให้ผู้อ่านมีการครอบครองหนังสือไว้กับตนเองมากขึ้น
2.ความเป็นทูตทางหนังสือของผู้อ่าน พบว่า ผู้อ่านที่ได้รับอิทธิพลเชิงบวกโดยรวมสูงสุดจากภาพลักษณ์ของหนังสือ มีความตั้งใจต่อการอ่านหนังสือ มีการเติบโตส่วนบุคคล และมีความหลงใหลในการอ่านหนังสือสูง จะทําให้ผู้อ่านเป็นทูตทางหนังสือสูงขึ้น
อ่านกันแล้ว เห็นด้วยหรือเห็นต่างก็ว่ากันไป
แต่ขอให้อ่านหนังสือ
วันที่ 19 ตุลาคม เป็นวันสุดท้ายงานมหกรรมหนังสือ อย่าลืมแวะเวียนไป
นฤตย์ เสกธีระ