'แบงก์ชาติ' คุมเข้มธุรกรรมซื้อขายทองสกัดทุนเทา แก้ประกาศบี้แพลตฟอร์ม-ร้านรายงานข้อมูลรายวัน
GH News December 04, 2025 06:11 PM

‘แบงก์ชาติ’ ถกคลัง เดินเครื่องแก้ประกาศบี้แพลตฟอร์ม-ร้านทองรายงานธุรกรรมซื้อขายทองแบบรายวัน พร้อมกับแบงก์พาณิชย์เข้มตรวจใบขน-ใบซื้อขายทองคำ ต้องสอดคล้องกับปริมาณการทำ FX

4 ธ.ค. 2568 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือในรายละเอียดกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังเพื่อให้ร้านทองคำรายงานธุรกรรมการซื้อขายทองคำมายัง ธปท. ซึ่งคาดว่าใกล้จะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ส่วนกระบวนการหลังจากนั้นก็จะต้องเร่งเปิดรับฟังความคิดเป็น (Hearing) ต่อไป

สำหรับแนวทางหลัก ๆ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการกับแพลตฟอร์มซื้อขายทองคำ และร้านค้าทองคำขนาดใหญ่ก่อน เพราะไม่อยากให้ร้านทองขนาดเล็ก ๆ ตกใจ ซึ่งในประกาศจะมีการกำหนดเกณฑ์ชัดเจนสำหรับร้านค้าทองคำหรือแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายจะต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองเป็นรายวันมายัง ธปท. เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนอย่างละเอียดและสามารถตรวจสอบได้ทันที กรณีหากวันไหนมีธุรกรรมที่เยอะผิดปกติเกินไป หรือธุรกรรมต้องสงสัยจะได้เร่งเข้าไปตรวจสอบ

“ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้อาจจะมีผลกระทบในแง่ของความยากลำบากบ้าง แต่ก็ต้องคุยกัน โดยการรายงานข้อมูล จะแบ่งเป็นแพลตฟอร์มจะต้องรายงานข้อมูลธุรกรรม (Transaction) ซึ่งแพลตฟอร์มมีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้ว ส่วนร้านค้าทองคำก็จะต้องรายงานธุรกรรมการซื้อขายทองผ่านหน้าร้าน ซึ่งจะเป็นการรายงานข้อมูล ณ สิ้นวัน ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้พูดคุยกับร้านทองอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร เข้าใจดีว่าร้านทองเองก็ไม่ได้อยากเป็นอุปสรรคให้ธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้บาทแข็งโดยที่เขาเองก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจ และเรื่องข้อมูลที่ทำอยู่นี้ก็จะเป็นประโยชน์กับร้านทองเองด้วย” นางสาวชญาวดี กล่าว

ขณะที่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น ธปท.ได้มีการกำชับให้มีการเพิ่มความเข้มงวดและเข้มข้นในการตรวจสอบธุรกรรมและเอกสารในการนำเข้าและส่งออกทองคำ เช่น ใบขน ใบสั่งซื้อ เพื่อพิจารณาว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับปริมาณการทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จริงหรือไม่ โดยจะต้องมีการรายงานอย่างละเอียดถึงว่ามีการซื้อขายกันในรูปแบบใด เช่น คริปโตเคอร์เรนซี เงินบาท หรือสกุลเงินต่าง ๆ และจากเดิมหากธนาคารพาณิชย์พบว่าเป็นธุรกรรมต้องสงสัยจะต้องรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้ว ยังจะต้องรายงานมาที่ ธปท. ด้วย

นอกจากนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการเปิด Hearing เรื่องเกณฑ์การขยายวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับประเทศ (Repatriation) จาก 1 ล้านดอลลาร์ เป็น 10 ล้านดอลลาร์ โดยจะดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นบนเว็บไซต์ของ ธปท. จนถึงวันที่ 11 ธ.ค. นี้ โดยมองว่าการปรับหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดแรงกดดันของค่าเงินบาทได้ส่วนหนึ่ง และลดเงินไหลเข้า ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการก็สามารถนำเงินไปบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นการซื้อ หรือชำระค่าสินค้าและบริการเพื่อนำมาผลิตก่อนได้ ถือว่าเป็นมาตรการที่ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย

นางสาวชญาวดี กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าค่าเงินบาทในขณะนี้อยู่ในทิศทางที่แข็งค่า ซึ่งงส่วนใหญ่เป็นผลจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะจากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากทองคำ โดยจากข้อมูลพบว่า ค่าเงินบาทกับทองคำมีความเกี่ยวโยงกันค่อนข้างมากในบางวัน เช่น บางวันหากราคาทองคำสูงขึ้น และมีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับขึ้น ก็จะเป็นแรงกดดันกับค่าเงินบาทมากขึ้น ซึ่งบางวันจะเห็นความเกี่ยวโยงกันระหว่างค่าเงินบาทกับทองคำ อยู่ที่ 10-20% ของธุรกรรม

“ถ้ามองว่าธุรกิจสีเทามาใช้ทองจริง ๆ การดำเนินการแบบนี้ก็จะทำให้เรามีข้อมูลยืนยันได้ชัดเจนว่าใช่ หรือไม่ใช่ อะไรยังไง อีกส่วนแน่นอนว่ามันคงไม่สามารถลดธุรกรรมทองคำที่ทำให้บาทแข็งได้ขนาดนั้น เพราะส่วนนี้ขึ้นอยู่กับนักลงทุนเองด้วย แต่อย่างน้อยตรงนี้ก็จะทำให้เราเห็นต้นตอว่าสาเหตุมาจากอะไร มาจากไหน และสามารถนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมของนักลงทุน รวมถึงผู้บริโภคได้ และในอนาคตก็มาลองดูว่าจะสามารถผ่อนแรงกดดันต่อค่าเงินบาทได้มากน้อยแค่ไหน” นางสาวชญาวดี ระบุ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.