เปิดวิสัยทัศน์ ‘นรินทร์’ ผู้ว่า กฟผ. คนที่ 17 ดันงบปี 69 เดินหน้าลงทุน 2.2 หมื่นล้านบาท ดันโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงบำรุงรักษา ลั่นพยายามบริหารเชื้อเพลิง คุมค่าไฟดูแลประชาชน หวัง 2 ปีได้หนี้คืน
4 ธ.ค. 2568 – นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงาน และแนวทางการบริหารงาน หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 ว่า ปี 2569 มีแผนลงทุนกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าประมาณ 13,000 ล้านบาท งานปรับปรุงและบำรุงรักษาเสถียรภาพโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 9,200 ล้านบาท โดยจะเร่งผลักดันโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี รวมกำลังการผลิต 1,638 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้าหมายลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้า 1 หน่วย ในอัตราขั้นต่ำ 20% ภายในปี 2571
นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงระบบเชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน ของไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมรวมทั้งสิ้น 6 โรงไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายการนำไฮโดรเจนมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าร่วมกับก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 5% ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าจะนะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรายงานผลการศึกษา ข้อจำกัดของโรงไฟฟ้าต่อคณะกรรมการ กฟผ. การศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียบนพื้นพื้นที่ศักยภาพ
นายนรินทร์ กล่าวว่า การจัดการค่าไฟในปัจจุบันที่กฟผ. ดำเนินการอยู่หลัก ๆ คือการบริหารเรื่องเชื้อเพลิงที่พยายามจะหาแหล่งต้นทุนที่ต่ำที่สุด ขณะที่ภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. ที่แบกรับไว้ปัจจุบันอยู่ที่ 40,000 กว่าล้านบาท จากเดิมที่เคยรับภาระกว่าแสนล้านบาท ต้องยอมรับว่ามีดอกเบี้ยที่สูง แต่ กฟผ. ก็ต้องดูแลค่าไฟให้กับประชาชนให้ถูกที่สุด ซึ่งต้องจัดการให้เกิดความสมดุลกันระหว่างสองทาง ซึ่งคาดว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันจะได้รับเงินที่ค้างอยู่ภายในปี 2570 แต่ก็ต้องติดตามความตรึงเครียดด้านสงครามอย่างต่อเนื่อง หากแนวโน้มลดลงก็จะส่งผลให้ราคา LNG ลดลงได้ ซึ่งคาดว่าช่วงปีหน้าจะอยู่ที่ 10-12 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
สำหรับการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จะจัดหาแอลเอ็นจีราคาถูกด้วยสัญญาระยะยาว 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 10-15 ปี ขณะนี้มีผู้สนใจมากกว่า 20 ราย คาดว่าจะเปิดประกวดราคาภายในปี 2569 มั่นใจว่าจะสามารถหาราคาแอลเอ็นจีต้นทุนต่ำกว่าราคา มาตรฐานที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนด พร้อมยืดอายุโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำอาทิ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าน้ำพอง พร้อมแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจแอลเอ็นจี โดยล่าสุดบริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัดซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กฟผ. กับบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ได้รับอนุมัติการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ Topside สูบถ่ายแอลเอ็นจี จากเรือขนส่งเข้าสู่สถานีแอลเอ็นจี ที่ท่าเทียบเรือที่ 2 ของสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 2 จ.ระยอง