ผลงานอันยอดเยี่ยมใน "ซีเกมส์ 2025" ที่สามารถคว้ามาครองได้ 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงินของทัพ "ขี่ม้าโปโลไทย" ไม่ได้เกิดเพราะโชคช่วย แต่มีเบื้องหลังมากมาย และความพยายามอันยาวนาน เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปติดตามกัน
เสียงเฮจากอัฒจันทร์ดังขึ้นพร้อมจังหวะควบม้าที่พุ่งทะยานกลางสนาม วินาทีนั้นไม่ใช่เพียงสัญญาณแห่งชัยชนะ หากแต่คือปลายทางของความพยายามที่ใช้เวลายาวนานกว่าสองทศวรรษ
เมื่อทีมกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ด้วยผลงาน 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน
ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของการ ‘อดทน รอคอย และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอด 21 ปี นับตั้งแต่การเริ่มต้นของสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย’
เส้นทางที่ต้อง “รอเวลา” และ “เชื่อมั่นในกระบวนการ”
ย้อนกลับไปใน ซีเกมส์ 2007 ปีแรกที่กีฬาขี่ม้าโปโลถูกบรรจุในกีฬาซีเกมส์ ทีมชาติไทยเริ่มต้นเส้นทางด้วย เหรียญทองแดง สิบปีต่อมาใน ซีเกมส์ 2017 ทีมชาติไทยขยับขึ้นมาอีกขั้น คว้า เหรียญเงิน
และในที่สุด…ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 บนแผ่นดินไทย กลายเป็นหมุดหมายสำคัญ เมื่อทีมชาติไทยคว้า เหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ จากประเภท Handicap 2–4 Goals
พร้อมกับ เหรียญเงิน จากประเภท Handicap 4–6 Goals ซึ่งเป็นระดับการแข่งขัน ที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ และการทำงานเป็นทีมอย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกิดจากโชค หากแต่เป็นผลของการวางแผนระยะยาว การลงทุนด้านบุคลากร นักกีฬา ม้า และการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหลังชัยชนะ ความสำเร็จที่มากกว่าเหรียญรางวัล
นายแพทย์ไพโรจน์ บุญคงชื่น นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย มองว่าความสำเร็จในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือภาพสะท้อนของการพัฒนากีฬาขี่ม้าโปโลไทยอย่างเป็นระบบ
“เหรียญทองและเหรียญเงินครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการเตรียมทีมเพียงระยะสั้น แต่เป็นผลจากการวางรากฐานมาหลายปี ทั้งในด้านนักกีฬา ม้า บุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และมาตรฐานการแข่งขันระดับนานาชาติ”
สมาคมฯ ย้ำว่า มองเป้าหมายต่อไปไกลกว่าการลุ้นเหรียญรางวัล โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างกีฬาขี่ม้าโปโลอย่างครบวงจร ตั้งแต่นักกีฬารุ่นใหม่ โค้ช ไปจนถึงบุคลากรเบื้องหลัง เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลของภูมิภาค
ความสำเร็จครั้งนี้ยังสะท้อนถึงผลลัพธ์ของการส่งนักกีฬาไปเก็บประสบการณ์ในต่างประเทศอย่างอาร์เจนตินาและอังกฤษ การนำวิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการมาใช้ควบคู่กับการดูแลม้าอย่างใกล้ชิด โดยมีทีมสัตวแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน บทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ยังตอกย้ำศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน สนามแข่งขัน และการบริหารจัดการระดับนานาชาติ ไปจนถึงการยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ในการดูแลม้าอย่างเคร่งครัดและครบวงจร
ชัยชนะที่สานต่อความฝันของพ่อ
ในฐานะกัปตันทีมชาติไทย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ไม่ได้มองเหรียญทองครั้งนี้เป็นเพียงความสำเร็จส่วนตัว แต่เป็นชัยชนะที่มีความหมายทางใจอย่างลึกซึ้ง
“เหรียญทองนี้ คือสิ่งที่ทีมรอคอยมานาน และสำหรับผม มันคือการได้สานต่อความตั้งใจของคุณพ่อ ที่เชื่อมั่นมาตลอดว่ากีฬาขี่ม้าโปโลไทยสามารถไปได้ไกลกว่านี้ หากเราพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
อัยยวัฒน์ ย้ำว่า ทุกแมตช์ในซีเกมส์ครั้งนี้ ไม่ได้ตัดสินกันด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความเข้าใจระหว่างนักกีฬาและม้า การตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน และการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง
อีกทั้ง การได้ลงแข่งขันต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทยในฐานะเจ้าภาพ คือพลังสำคัญที่ผลักดันให้นักกีฬาทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้กีฬาขี่ม้าโปโลเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้มากขึ้น
วิสัยทัศน์ที่เริ่มต้นจาก ‘ความรักในกีฬา’
หากมองลึกไปกว่าผลการแข่งขัน ความสำเร็จของกีฬาขี่ม้าโปโลไทยมีรากฐานจากวิสัยทัศน์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย จากความหลงใหลในกีฬาชนิดนี้
โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้กลายเป็นรากฐานสำคัญในการวางระบบ พัฒนามาตรฐาน และสร้างนักกีฬาขี่ม้าโปโลไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง จนสามารถยืนหยัดและสร้างผลงานในเวทีระดับนานาชาติได้อย่างภาคภูมิ
ชัยชนะวันนี้…สู่อนาคตของคนรุ่นใหม่
มากกว่าเหรียญรางวัล ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือทั้ง เวทีพิสูจน์ และ สัญญาณของอนาคต ว่ากีฬาขี่ม้าโปโลไม่ใช่กีฬาที่ไกลตัวอย่างที่หลายคนเคยคิด
แต่คือโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจ เปิดประตูให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ ทดลอง และเข้าถึงกีฬาขี่ม้าโปโล ผ่านคอมมูนิตี้ สโมสร และกิจกรรมที่เปิดกว้างมากขึ้น
“เหรียญทองครั้งนี้ คือบทพิสูจน์ว่าความเชื่อ การลงทุนระยะยาว และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ได้วางรากฐานสำคัญให้กีฬาขี่ม้าโปโลไทยก้าวจากเวทีอาเซียน สู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลของภูมิภาค”.