"จุรินทร์"ขี้การเมืองปีนี้เข้มข้นชิงไหวชิงพริบ 8 ปัจจัยส่งผลกระทบ ทั้งเลือกนายก อบจ. แก้ รธน. ปรับ ครม. คดีร้องนายกฯ
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.68 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.ป กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยในปี 2568 ว่า การเมืองในปี 2568 จะมีความเข้มข้นขึ้น และอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยมีปัจจัย 8 ข้อที่จะส่งผลกระทบต่อการเมืองในปีนี้ คือ 1.ปี 2568 เข้าสู่ปีที่ 3 ของการเลือกตั้ง ถือเป็นครึ่งหลังของวาระ 4 ปีแล้ว 2.ปีนี้เป็นปีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งมีความสำคัญกับการเมืองใหญ่ เพราะการเลือกนายก อบจ.คือการชิงธงการเมืองใหญ่ในอนาคต ถ้าใครได้นายกอบจ.มาครอบครอง ก็จะมีผลต่อการได้อำนาจ และเงินมาช่วยสนับสนุนการเมืองใหญ่ 3.เป็นปีแห่งการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า ฝ่ายหนึ่งลดค่าไฟจาก 4.18 บาท เหลือ 4.15 บาท ลดไป 3 สตางค์ เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่อีกฝ่ายเกทับจะลดเหลือ 3.70 บาท
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า 4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นนโยบายหาเสียงของหลายพรรคการเมือง และรัฐบาลชุดที่แล้วได้ประกาศไว้ในนโยบายเร่งด่วนว่าจะแก้ แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็ถอยจากนโยบายเร่งด่วน กลายเป็นนโยบายธรรมดา และที่สำคัญคือการแก้ไขทั้งฉบับ ที่นำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีความขัดแย้งกัน ทั้งในระหว่างพรรคการเมืองและวุฒิสภาว่าจะต้องทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง 5.ปี 2568 จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งสมควรแก่เวลาแล้วที่จะดำเนินการ แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลของฝ่ายค้าน ส่วนสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน มากกว่าการตรวจสอบองค์กรอิสระ หรือกลไกอื่นๆ เพราะจะทำให้ภาพการอภิปรายฯ เบลอออกไป ไม่ตรงเป้า
นายจุรินทร์ กล่าวว่า 6.การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากฝ่ายค้านอภิปรายตรงเป้า การปรับ ครม.ก็อาจเกิดขึ้น 7.การยุบสภานั้น ตนเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใดอยากยุบสภา แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อไม่มีทางไปแล้ว และ 8.ที่บอกอะไรก็เกิดขึ้นได้ คือเรื่องคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ร้องเรียนเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย 13 เรื่อง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง ถ้าคดีเหล่านี้ถูกวินิจฉัยในทางลบกับรัฐบาล