เป็นที่รู้กันว่า เมื่อเข้าฤดูหนาวเข้าหน้าแล้ง ปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 จะรุนแรงเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้ยังดีที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยคลี่คลาย แม้จะยังแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าช่วยให้บรรเทาเบาบางลง

นับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยรัฐมนตรีนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และรัฐมนตรีช่วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร ใช้ปฏิบัติการเครื่องบินกรมฝนหลวง พร้อมเทคนิคใหม่ ในการเจาะชั้นบรรยากาศเหนือท้องฟ้า

ไม่ใช่การทำฝนหลวง แต่เป็นการนำเอาน้ำแข็งแห้ง โปรยใส่ชั้นบรรยากาศความร้อนที่ปกคลุมเหนือฟ้า ทำให้ฝุ่นละอองปกคลุม ไม่เคลื่อนไปไหน

เป็นการเปิดช่องระบายอากาศ เพื่อให้ฝุ่นละอองอันตรายได้ระบายออกไป รวมทั้งใช้ความชื้นดูดซับฝุ่น

แต่แน่นอนที่มาของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้าน ต้องแก้กันแบบข้ามชาติ ใช้ความร่วมมือระหว่างชาติ

เพียงแต่ปฏิบัติการของกรมฝนหลวง ในการเปิดช่องระบายเหนือฟ้า การดูดซับฝุ่นบนฟ้า พอช่วยทำให้ลดลงไปได้ราว 50% ผ่อนคลายปัญหาได้ไม่น้อย!!

ไม่กี่วันก่อน รัฐมนตรีช่วยอิทธิ ชี้แจงในสภา ถึงปฏิบัติการแก้ฝุ่นของกระทรวงเกษตรฯ อย่างน่าสนใจ

ตอบข้อถามที่ว่า ปฏิบัติการได้ผลจริงหรือไม่

รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ บอกว่า เครื่องบินของกรมฝนหลวง ใช้อากาศยาน 15 ลำ ปฏิบัติการไปแล้ว 698 เที่ยวบิน!

โดยเริ่มทำงานมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567

ทุกวันนี้ยังคงลงมือทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายปัญหา มั่นใจว่าในปีนี้ ตัวเลขค่าฝุ่นในไทยจะไม่รุนแรงติดอันดับโลก

เป็นที่รู้กันว่า วิกฤตฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กระทบต่อสุขภาพประชาชน กระทบวิถีการใช้ชีวิตปกติ การวิ่งออกกำลังกาย การเดินเล่นนอกบ้าน เป็นภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข

รวมทั้งกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเพราะปัจจัยเรื่องนี้

ดังนั้นการทำงานของกรมฝนหลวง เป็นการบรรเทาปัญหา ลดผลกระทบทั้งต่อสุขภาพคนไทยและต่อรายได้จากการท่องเที่ยว!

แต่ก็นั่นแหละ การแก้ไขปัญหา ยังต้องรวมไปถึงปัจจัยฝุ่นละอองจากประเทศเพื่อนบ้าน ต้องว่ากันในอีกระดับหนึ่ง

ในชั้นนี้ ปฏิบัติการของกรมฝนหลวง ยังได้รับความสนใจจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ประสานความร่วมมือปฏิบัติการเหนือท้องฟ้ากทม.แล้ว

โดยท้องฟ้ากทม. มีปัญหาซับซ้อน ต้องได้รับไฟเขียวจากวิทยุการบินแห่งประเทศไทย เนื่องจากสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ มีเครื่องบินพาณิชย์บินขึ้นลงจำนวนมาก

ล่าสุดผู้ว่าฯ กทม. วิทยุการบิน และเครื่องบินกรมฝนหลวง ประสานร่วมมือกันปฏิบัติการแล้ว ส่งผลให้ฝุ่นในกรุงเทพฯ ลดระดับลงได้

เอาเป็นว่า ฝุ่นพีเอ็ม ที่วิกฤตทั้งภาคเหนือและในกทม.มาตลอด พอจะมีช่องระบาย คลายปัญหาได้แล้ว

ในอนาคตถ้าแก้ข้ามชาติได้ก็จะดีกว่านี้แน่นอน

แต่วันนี้พอจะลดปัญหาลงได้ ช่วยให้สุขภาพผู้คนดีขึ้น ให้การท่องเที่ยวไม่สะดุด!

วงค์ ตาวัน