เด็กและเยาวชนไม่เพียงเป็นอนาคตของชาติ แต่ยังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมปัจจุบัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคดิจิทัล พวกเขากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งช่องว่างระหว่างวัย ความเปราะบางของสถาบันครอบครัว และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว สถานการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของเด็กไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม), Mappa กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดงาน “Relearn Festival 2025” ภายใต้แนวคิด “Intergeneration ลดช่องว่างระหว่างวัย สร้างความเข้าใจระหว่างกัน” ระหว่างวันที่ 11 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ มิวเซียมสยาม
โดยเทศกาลนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระบบนิเวศการเรียนรู้แบบร่วมมือสำหรับพ่อแม่รุ่นใหม่ มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่การเรียนรู้สำหรับครอบครัว เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเลี้ยงดูและสร้างความเข้าใจระหว่างวัย ผ่านกิจกรรม Workshop ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรม Talk ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เปิดเผยข้อมูลที่น่าห่วงใยจากรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2566 ว่า เด็ก เยาวชนไทยจำนวนมากกำลังเติบโตในครอบครัวเปราะบางที่มีปัญหาทับซ้อน และยังไม่สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยพบว่ามีเด็กถึง 1.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 26.5% ที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ต้องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายในครอบครัวที่มีรายได้น้อยที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ สถิติความรุนแรงในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในรอบ 7 ปี จาก 1,001 ราย ในปี 2559 เป็น 2,347 ราย ในปี 2565 ส่งผลให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้า นำไปสู่ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap) ที่สร้างความตึงเครียดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ของเด็ก
“สสส. ตระหนักถึงความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงได้จัดงาน Relearn Festival 2025
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้มีความพิเศษที่ได้รับความร่วมมือจากมิวเซียมสยามในการเปิดพื้นที่ให้จัดกิจกรรมยาวนานถึง 1 เดือน เราคาดว่าจะมีครอบครัวและเยาวชนเข้าร่วมตลอดงานไม่น้อยกว่า 7,500 คน” นางสาวณัฐยา กล่าว ด้าน นางสาวมิรา เวฬุภาค ผู้ก่อตั้ง Mappa อธิบายถึงการออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ภายในงานที่แบ่งออกเป็น 9 โซน อย่างสร้างสรรค ประกอบด้วย
1. Reignite Stage : เวทีสร้างบทสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างวัย
2. Inter – Gen Playground : สนามเด็กเล่นที่ออกแบบมาให้คนทุกวัยได้สนุกร่วมกัน
3. Museum of Generation : พื้นที่เชื่อมโยงประสบการณ์และมุมมองของคนต่างรุ่น
4. One Root Endless Bloom : โซนพบปะกับ TIMOOT มาสคอตสุดน่ารักประจำเทศกาล
5. Mappa Land : พื้นที่เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันทันสมัย 6. Papa Project : พื้นที่สร้างสรรค์ที่ชวนพ่อแม่และลูกๆ มาร่วมสร้างเมืองในฝัน 7. The Tunnel of Echo Chamber Storytelling : ห้องนิทานพิเศษที่สร้างประสบการณ์ผ่านเสียงสะท้อน 8. Relearn Market : พื้นที่จำหน่ายสินค้าและจัดเวิร์กชอปสร้างสรรค์ 9. REFILL our belly : โซนอาหารที่มาพร้อมกับบทสนทนาสร้างความเข้าใจ
อีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่นอย่าง นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้มาร่วมแบ่งปันมุมมองที่น่าสนใจว่า หลายคนอาจจะมีภาพจำของยะลาว่าเป็นเมืองที่เคยมีเหตุการณ์ความไม่สงบในอดีต แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ เทศบาลไม่เคยละเลยการพัฒนาเด็กและเยาวชน เราภูมิใจที่เป็นที่ตั้งของ TK PARK แห่งแรกนอกกรุงเทพฯ ซึ่งดำเนินการมากว่า 17 – 18 ปีแล้ว นอกจากนี้ ยังมีวงซิมโฟนีออเคสตร้า city museum และศูนย์สร้างสรรค์ต่างๆ
“เราเชื่อว่าการพัฒนาเมืองไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาเด็กและเยาวชน หน้าที่ของเมืองคือการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนา โดยมีผู้ปกครองเป็นผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดที่สุด ความสำเร็จหลายๆ กิจกรรมของเทศบาลยะลาเกิดจากการสนับสนุนของผู้ปกครอง และนี่คือเหตุผลที่เราให้การต้อนรับโครงการ Relearn อย่างอบอุ่น เพราะถึงเวลาแล้วที่เราจะบูรณาการทั้งท้องถิ่น ผู้ปกครอง และเด็กเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของเรา” นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวทิ้งท้าย