การขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
ข่าวสด January 23, 2025 10:43 AM

การขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ท่อขนส่งน้ำมันและคลังน้ำมันปลายท่อสามารถใช้เป็นแหล่งสำรองน้ำมันในยามฉุกเฉิน ลดอุบัติเหตุจากการขนส่งโดยรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการลดความเหลื่อมล้ำด้านราคาน้ำมันระหว่างกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจการโดยมุ่งยกระดับการให้บริการน้ำมันอากาศยานและขยายการลงทุนในกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ดำเนินการต่อเชื่อมระบบท่อส่งน้ำมันและสนับสนุนการเพิ่มทุนเพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินและการลงทุนผ่าน “บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จํากัด (BPT)” ในโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันอ่างทอง-สระบุรี เข้ากับระบบคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เพื่อขยายระบบขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ระยะที่ 3 เส้นทางสถานีแยกระบบท่ออ่างทอง – คลังน้ำมันสระบุรี

ซึ่งมีการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร BAFS และ ประธานกรรมการ BPT เป็นประธานในพิธี , ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ให้เกียรติร่วมพิธี

ท่อน้ำมันยาวสุดในอาเซียน COD ปี 69

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันอ่างทอง-สระบุรี เป็นการเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำมันเข้ากับระบบคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เพื่อขยายระบบขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ระยะที่ 3 เส้นทางสถานีแยกระบบท่ออ่างทอง – คลังน้ำมันสระบุรี

ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 จากคลังน้ำมันบางปะอินไปยังกำแพงเพชร-คลังน้ำมันพิจิตร และระยะที่ 2 กำแพงเพชร-คลังน้ำมันนครลำปาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งน้ำมัน จากโรงกลั่นน้ำมันศรีราชาและโรงกลั่นน้ำมันมาบตาพุดที่ออกไปยังเขตพื้นที่ภาคเหนือ ผ่านระบบท่อส่งใต้ดินทดแทนการขนส่งด้วยรถบรรทุกน้ำมัน

สำหรับความคืบหน้าโครงการจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2568 ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 โดยเริ่มรับน้ำมันจากคลังน้ำมันสระบุรีของThappline เชื่อมต่อกับระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 บริเวณจังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร

หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันของ BPT มีระยะทางรวม 726 กิโลเมตร นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ และเป็นระบบท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในอาเซียน

รับน้ำมันตะวันออกส่งขึ้นเหนือ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก สอดรับกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ โดยคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปาง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในด้านการเก็บสำรองน้ำมันของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นภาคตะวันออกอีก 5 โรงกลั่น เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ

อีกทั้งช่วยลดปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี อย่างไรก็ดี เมื่อมีผู้ค้าน้ำมันใช้ระบบขนส่งทางท่อเพิ่มขึ้นในระยะยาว ต้นทุนทางขนส่งโลจิสติกส์ของผู้ค้าน้ำมันก็จะลดลง และจะสามารถทำให้ราคาน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือมีความใกล้เคียงกับราคาน้ำมันในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้

“ปัจจุบันท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือของ BPT ที่มี BAFS เป็นผู้ร่วมทุน เราส่งน้ำมันปีที่แล้วประมาณ 1,221 ล้านลิตร เมื่อเกิดการเชื่อมต่อแล้ว เราเชื่อมั่นว่า จะสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันภาคตะวันออกมากกว่า 5 แห่ง และจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 780 ล้านลิตร” ม.ล. ณัฐสิทธิ์กล่าว

OR-เชลล์ หนุนขนส่งทางท่อ

ด้าน ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งน้ำมันของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนผ่านการใช้ระบบขนส่งทางท่อแทนการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังช่วยให้ประเทศก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน อย่างไรก็ดี OR มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการยกระดับความมั่นคงทางพลังงานของประเทศผ่านระบบการขนส่งทางท่อเพื่อทำให้การขนส่งน้ำมันของประเทศมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับ นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันนี้เป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ในนามบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจ และเติบโตคู่กับสังคมไทยมา 133 ปี มีสถานีบริการ 726 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงคลังน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือ ดังนั้น โครงการนี้จะมีประโยชน์กับเชลล์และประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งนับเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ส่งต่อน้ำมันไปยังพื้นที่ภาคเหนืออย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดทั้งในเรื่องของต้นทุน ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รุกกระจายน้ำมันไปพม่า-ลาว

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา BPT เน้นทำการตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามาใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อให้มากขึ้น ส่งผลต่อเนื่องประมาณการว่าปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย BPT มีแผนการเพิ่มปริมาณน้ำมันผ่านท่อเพิ่มขึ้น โดยส่งเสริมให้คลังน้ำมันปลายท่อ ได้แก่ คลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปางเป็นจุดกระจายน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประมาณการปริมาณน้ำมันขนส่งผ่านระบบท่อไปยังคลังน้ำมันนครลำปางเพิ่มขึ้นถึง 40%

นอกจากนี้ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ BPT คือการร่วมขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการขนส่ง โดยเริ่มเปิดให้บริการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกไปแล้วกว่า 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.