ตบเท้าจดทะเบียนสมรสคึกคัก คู่รักชาติพันธ์ุสวมชุดไทใหญ่ เผยสร้างปวศ. ร่วมกัน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นฤมิตรไพรด์ ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ ภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันผลักดันพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ผสานความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน “Marriage Equality Day” ปักหมุดจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมวันแรกพร้อมกันทั่วประเทศไทย ณ ชั้น 5 พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน กรุงเทพ ฯ
เพิ่มทรัพย์ แซ่อึ๊ง และพวงเพชร เหงคำ คู่สมรสที่จดทะเบียนเป็นคู่ที่สองของเขตปทุมวัน เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังจากจดทะเบียนสมรสว่า ตนรู้สึกดีใจมาก รู้สึกว่ากว่ามันจะเท่าเทียมได้ก็ใช้เวลาหลายปี สำหรับเรารอมาประมาณ 17 ปี แล้ว และต่อสู้กันมานานแล้วในเรื่องของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านอุปสรรคกันมามาก วันนี้มันประสบความสำเร็จจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้ว จดที่ปายก็ได้ เพราะคู่รักเป็นคนปาย แต่อยากมาจดที่นี้ เพราะว่าต้องการสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน รู้สึกภูมิใจ เพราะเราเป็นคนไทยและได้ใช้สิทธิในกฎหมาย เล่มเดียวกันเหมือนคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เป็นคู่ที่สองที่จดทะเบียนสมรสในงานนี้ คู่สมรสกล่าวว่า ถึงจะเป็นคู่ที่เท่าไรก็ยินดีกับทุกคู่ เพราะจริงๆ แล้วตนทำงานรณรงค์ในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็อยากมาจดที่นี่เพราะว่า ไหนๆ เราสองคนก็สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน รู้สึกภูมิใจ อย่างน้อยๆ เราเป็นคนไทย เราได้ใช้สิทธิในกฎหมายเล่มเดียวกันเหมือนคนไทยทุกคน
คู่สมรสกล่าวถึงชุดที่ใส่มาวันนี้ว่า แฟนเป็นคนแม่ฮ่องสอนและเป็นชาวไทใหญ่ เมื่องานไพรด์ที่ผ่านมา ก็ได้ใส่ชุดไทใหญ่เหมือนกัน แต่ว่าเป็นสีครีม ปีนี้ถ้าเราเอามาใส่อีกก็กลัวมันจะช้ำสี อันนี้คือชุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไทใหญ่ ครบชุดเลย
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มหลากหลายทางเพศหรือไม่ คู่สมรสเปิดเผยว่า เป็นความสำเร็จของทุกคนที่มีเครือข่ายความหลากหลายทางเพศทุกคนที่ร่วมทำ สร้างประวัติศาสตร์มาร่วมกัน ไม่ได้เป็นผลงานใครแต่เป็นผลงานของเราทุกคนที่ได้ร่วมสร้างกันมา
สำหรับคำถามว่า อยากเห็นการพัฒนากฎหมายในเรื่องอะไรอีก คู่สมรสกล่าวว่า เท่าที่มีตอนนี้คือเรื่องคำนำหน้านามของกลุ่ม transgender ในเรื่องของบุตร อยากให้สิทธิในกฎหมายเล่มเดียวกันเหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร
คู่สมรสฝากถึงผู้ที่มองว่าคู่รักนี้เป็นแรงบัลดาลใจในการฝ่าฝันอุปสรรคจนมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่สมรสกล่าวว่า ไม่ต้องท้อ ถ้าเรื่องใดที่เรามีความมั่นใจ แล้วคิดว่าสักวันมันต้องสำเร็จแน่นอน จึงมีคำพังเผยว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
เมื่อขอให้ฝากถึงประเทศอื่นๆ ในเรื่องผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม กล่าวว่า กว่าเราจะได้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมาต้องผ่านการต่อสู้อย่างยาวนาน สำหรับประเทศที่ยังไม่มีก็อย่าเพิ่งท้อ ขอให้ต่อสู้ต่อไปกันเรื่อยๆ ทุกอย่างจะต้องเท่าเทียม
ในตอนท้าย คู่สมรสเปิดเผยว่า ตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุ และการเดินทาง การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเล็กๆ ในปาย ไม่สะดวกมากนัก ในเรื่องการเซ็นยินยอมด้วยการให้การรักษา ซึ่งตอนนั้นที่เกิดอุบัติเหตุก็อยู่กันมาแปดปีแล้ว อันนั้นเป็นตัวจุดประกายว่าเราทุกคนควรมีสิทธิเป็นคู่สมรสของเรา ในตอนนั้นหมอก็รู้ว่าเราคบกันมาแปดปี แต่ก็เซ็นไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่รองรับ
