ทายาทเจ้าสัวเจริญ ลงเสาเอก เวิ้งนครเกษม เยาวราช พลิกที่ดินประวัติศาสตร์สู่มิกซ์ยูส 1.6 หมื่นล้าน
หลังจาก “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ทุ่มซื้อที่ดิน “เวิ้งนาครเขษม” เนื้อที่ 14 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญกรุงซอย 8-10 จากราชสกุลบริพัตร เมื่อปี 2555 ด้วยวงเงิน 4,507 ล้านบาท เพื่อพลิกโฉมใหม่ เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย โรงแรม ที่อยู่อาศัยรูปแบบแบรนด์เดดเรสซิเดนซ์ ศูนย์การค้า ปั้นแลนด์มาร์กใหม่ในย่านไชน่าทาวน์
ล่าสุดถือฤกษ์ดีวันที่ 23 มกราคม 2568 ลงเสาเอกเดินหน้าการก่อสร้างโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว ภายใต้ชื่อโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช”
“วัลลภา ไตรโสรัส ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน)หรือAWC เปิดเผยว่า วันที่ 23 มกราคม 2568 บริษัทได้ลงเสาเอก โครงการเวิ้งนครเกษม เยาวราช เพื่อเดินหน้าการก่อสร้างอย่างเป็นทางการ บนพื้นที่ 14 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช เชื่อมถนนเยาวราช จักรวรรดิ และเจริญกรุง ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านเก่าแก่ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ และศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการค้าที่สำคัญมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) ถือเป็นการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ AWC ทั้งนี้ยังไม่นับรวมโครงการอควอทีค พัทยาและเอเชียทีค เฟส2
สำหรับรูปแบบของโครงการ ”วัลลภา” ฉายภาพว่า จะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีพื้นที่รวมกว่า 135,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ศูนย์การค้าระดับไอคอนิคมีพื้นที่รวมกว่า 68,000 ตารางเมตร จะรวบรวมร้านค้าแบรน์ชั้นนำ ร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ คาเฟ่ และร้านค้าท้องถิ่นของชุมชนมาไว้ที่นี่
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมระดับลักชัวรี่สูง 10 ชั้น จำนวน 2 โรงแรม รวม 500 ห้อง ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลกว่า 300 ห้อง และโรงแรมคิมป์ตันกว่า 200 ห้อง โดยในโรงแรมจะมีการออกแบบห้องพักขนาด 2-3 ห้องนอนให้บริการแบบแบรนเดดเรสซิเดนซ์อยู่ด้วย ยังมีที่จอดรถใต้ดิน 3 ชั้น รองรับได้ 750 คัน
“สาเหตุที่สร้างแค่ 10 ชั้น เพราะอยู่บนพื้นที่อนุรักษ์ ทำให้ต้องพัฒนาพื้นที่ชั้นใต้ดิน 5 ชั้นเพิ่ม ซึ่งเฉพาะพื้นที่ใต้ดินจะใช้เวลาก่อสร้างนาน 3 ปี แบ่งเป็นพื้นที่ศูนย์การค้า 2 ชั้นและพื้นที่จอดรถ 3 ชั้น เนื่องจากไชน่าทาวน์เป็นย่านที่หาที่จอดรถยาก จึงต้องการสร้างโครงการนี้ให้เป็นศูนย์กลางการเดินทาง ทั้งทางรถยนต์ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และเรามีแผนจะสร้างรถรางไฟฟ้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเที่ยวย่านไชน่าทาวน์ ขณะเดียวกันเรายังมีแผนจะสร้างทางเชื่อมสถานีสามยอดของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่อยู่ห่าง 200-300 เมตร เข้าสู่โครงการด้วย”วัลลภากล่าว
“วัลลภา”กล่าวอีกว่า โดยโครงการจะใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 5 ปี กำหนดเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 2572 ซึ่งจะทยอยเปิดเป็นเฟสๆ โดยเฟสแรกเปิดปลายปี 2569 เป็นโซนเฮอริเทจรีเทล อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ จากนั้นเปิดศูนย์การค้าใต้ดินและโรงแรม ซึ่งเป้าหมายการพัฒนาโครงการ เพื่อจะพลิกโฉมไชน่าทาวน์ ซึ่งเป็นโลเกชั่นไฮไลต์และบนที่ดินราคาแพงสุดของAWC สู่มิติใหม่ภายใต้แนวคิด Legacy of the Past, Inspiration of Tomorrow เชื่อมคุณค่าจากอดีตสู่อนาคตผ่านการออกแบบที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย-จีน
โดยมี“ศาลาจีน” สูง 8 ชั้น พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และแลนด์มาร์กแห่งใหม่เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาสักการะเพื่อเสริมโชคลาภและความเป็นสิริมงคล รวมถึงพิพิธภัณฑ์เวิ้งนครเกษมที่จัดแสดงภาพประวัติศาสตร์ ตลอดจนสิ่งของในวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน เสริมสร้างการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม และเพิ่มพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจในใจกลางเมือง รองรับการท่องเที่ยวทั่วโลก
“เราจะสร้างกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
โดยมีเวิ้งนครเกษม เยาวราช เป็นอีกไฮไลต์เพิ่มอีกแห่ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ“วัลลภากล่าวทิ้งท้าย