สธ.พร้อมรับ ‘ประกันสังคม’ เข้า ‘บัตรทอง’ เผยนายกฯเซ็นตั้งกก.ศึกษาสิทธิรักษา 3 กองทุน
GH News February 24, 2025 09:49 PM

สมศักดิ์ พร้อมรับ ‘ประกันสังคม’ เข้า ‘บัตรทอง’ เผยนายกฯเซ็นตั้งกก.ศึกษาสิทธิรักษาพยาบาล 3 กองทุน

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลัง
การประชุมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพ (Health Data Hub)” ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ว่า กรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์สิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคมด้อยกว่าสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ทั้งๆ ที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ จนเกิดข้อเสนอว่าควรให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแลผู้ประกันตนแทนนั้น บางครั้งสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย จะไปบังคับคงไม่ได้ แต่หากพร้อมมา ก็พร้อมรับ

อย่างไรก็ตาม เรื่องงบประมาณบัตรทองรับเงินจากภาครัฐ แต่ประกันสังคมมีกองทุนประกันสังคม เงินก็จะมาจากผู้ประกันตนส่วนหนึ่งด้วย การจะมารวมกันหรือไม่นั้น ถ้าทำได้ ก็ต้องมาตั้งต้นกันใหม่ ไม่กล้าพูดว่าต้องมา

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศไทย ว่า และมีกระแสข่าวว่าจะเป็นการรวม 3 กองทุนสุขภาพ ว่า จริงๆ กฎหมายเข้าใจว่ามีมากว่า 20 ปีแล้วที่ต้องการให้รวมกองทุน เพียงแต่ละหน่วยงาน แต่ละรัฐบาลไม่สามารถทำได้ แต่นายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์มองว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไร มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมา เพื่อพิจารณาร่วมกัน

“ผมเห็นมีผู้เสนอรายงานเข้ามาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการรวมกองทุนว่า เพราะอะไรถึงไม่สามารถทำได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ศึกษาเรื่องนี้ เพราะมองว่าน่าจะทำได้ เป็นการบ้านที่ต้องมาศึกษา จริงๆบัตรทองมีการขยายการให้บริการมากขึ้น อย่างล่าสุด สปสช. ยังบริหารจัดการสิทธิรักษาพยาบาลกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งพนักงาน ร.ฟ.ท.มั่นใจใน สปสช. และคาดว่าจะมีหน่วยงานอื่นๆตามมาอีก” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 33/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่ารักษาพยาบาลของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศไทย ลงนามโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 สืบเนื่องจากตามที่รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณให้ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของประเทศไทย ซึ่งเป็นสวัสดิการที่สนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สร้างหลักประกันสุขภาพในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นของประชากรทุกคนอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ตั้งแต่การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต โดยงบประมาณดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณานโยบายและแนวทางการบริหารงบประมาณสำหรับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิการรักษาพยาบาล จึงแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่ารักษาพยาบาลของสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศไทย รวม 22 คน ประกอบด้วย

1. รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธานกรรมการ
2. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ 1
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธานคนที่ 2
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 3
5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ
6. ปลัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกรรมการ
7. ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ
8. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการ
9. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ
10. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นกรรมการ
11. เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นกรรมการ
12. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ
13. อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เป็นกรรมการ
14. เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็นกรรมการ
15. ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการ
16. ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นกรรมการ
17. นายกสภาเภสัชกรรม เป็นกรรมการ
18. นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เป็นกรรมการ
19. เลขาธิการกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) เป็นกรรมการ
20. รองปลัด สธ. ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
21. อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
22. เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม

ส่วนหน้าที่และอำนาจ อาทิ 1. เสนอแนะ กำหนดนโยบาย แนวทางการบริหาร และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่าย หรือวิธีการอื่นใดในการลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ และลดภาระความเสี่ยงทางการคลังให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิการรักษาพยาบาล

2. บูรณาการความร่วมมือระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการบริหารทางนโยบายและแผนระดับประเทศการบริหารงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของประเทศไทย เป็นต้น

3. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม 4. รายงานผลการดำเนินงานต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ เป็นต้น

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.