เปิดผลประกอบการสื่อใหญ่อย่างช่อง 3 ช่องวัน 31 และเวิร์คพอยท์ ปี 2567 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) หรือช่อง 3 ผลงานปี 2567 โดยมีรายได้รวม 4,319.54 ล้านบาท เป็นรายได้ที่มาจากดำเนินธุรกิจรวม 4,251.46 ล้านบาท ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม 4,126.24 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 96.28 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้รวม 4,652.9 ล้านบาท กำไร 210 ล้านบาท
เป็นผลจากเม็ดเงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในปี 2567 ลดลง จากสภาพเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งจากภายใน และต่างประเทศ
ทั้งนี้ รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ในปี 2567 อยู่ที่ 3,450.0 ล้านบาท ลดลง 513.1 ล้านบาท หรือลดลง 12.9% จากปี 2566 สำหรับรายได้โฆษณา ยังคงเป็นรายได้หลักของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 81.1% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ “ช่อง 33” เป็นหลัก
สำหรับในปี 2568 บีอีซี มองยังคงเป็นอีกปีหนึ่งที่มีความท้าทายสำหรับบริษัทฯ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ Easy E-Recipt 2.0 การแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 และ 3 รวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ส่วนปัญหา หนี้นอกระบบ หนี้ครัวเรือน รัฐบาลให้ความสำคัญในการเร่งเครื่องแก้ปัญหา
นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากสงครามการค้ารอบใหม่ เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสงครารัสเซีญ และยูเครนยังไม่ยุติลง รวมถึงสงคราภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งจากปัจจัยความไม่แน่นอนเหล่านี้ ทำให้อาจเป็นความเสี่ยที่จะส่งผลให้หลายบริษัทมีการชะลอการใช้เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มอุตสาหรรมสื่อในช่วงปี 2568
อย่างไรก็ตาม บีอีซี ยังคงเล็งเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กรแบบเชิงรุก สร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว ตลอดจนมีช่องทางเผยแพร่คอนเทนต์ที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึผู้ชมกลุ่มใหม่ให้มากที่สุด รวมถึงขยายธุรกิจใหม่ที่นอกจากธุรกิจโทรทัศน์ที่เป็นธุรกิจหลักตามวิสัยทัศน์ผู้นำทางด้านคอนเทนต์ และธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย ภายใต้กลยุทธ์ “Single Content,Multiple Platforms” โดยตั้งเป้าการเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้
-กลุ่มบีอีซี ดำเนินงานในฐานะผู้นำทางการตลาดของธุรกิจโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง มุ่งรักษาผู้ชมกลุ่มเดิม และขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มใหม่
-การจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศให้ขยายไปยังพื้นที่ใหม่ และเพิ่มการซื้อจากประเทศที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว
-ดิจิทัลแพลตฟอร์ม 3 Plus มีการขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มที่มีอายุน้อยลงซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังใช้ 3 Plus เป็นช่องทางในการโปรโมทนักแสดงสังกัดช่อง 3 เพื่อขยายฐานผู้ชม และนำไปสู่การขายโฆษณาสินค้า และบริการหลากหลายช่องทางมากขึ้น
ขณะที่ช่องวัน 31 บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (ONEE) เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 โดยมีรายได้รวม 6,669.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้รวม 6,533.49 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 426.23 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีผลกำไรสุทธิ 505.09 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Content Marketing รวม 4,245.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.73 ล้านบาท หรือ 1.50% YoY ซึ่งบริษัทฯ มี Content ที่ได้รับความนิยมและเรตติ้งอยู่ในระดับสูงเป็นจำนวนมาก ทั้งละคร ซีรี่ส์ วาไรตี้ต่างๆ
รายได้จากกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing รวม 2,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.03 ล้านบาท หรือ 11.93% YoY กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจนี้ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับกระแสความนิยมของโลก ซึ่งจากการที่บริษัทมี Content ที่ได้รับความนิยม ทำให้บริษัทสามารถสร้างศิลปินที่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับได้อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจ Production Business มีรายได้ลดลงเป็น 140.82 ล้านบาท ลดลง 122.05 ล้านบาท หรือลดลง 46.43% YoY ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่เน้นการทำ Content ของตัวเองมากขึ้นเพื่อต่อยอดรายได้หลากหลายช่องทาง
ในปี 2568 บริษัทยังเดินนโยบาย “Content Creator & Lifestyle Entertainment ” ครบวงจร ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางจากความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัท โดยกลุ่มบริษัทมีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นแกนสร้างรายได้ ซึ่งทางบริษัทได้แบ่งกลุ่มธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
ด้านบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK รายงานผลประกอบการของบริษัท สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2567 ระบุว่า บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 201.02 ล้านบาท จากปี 2566 มีกำไรสุทธิ 13.48 ล้านบาท
สำหรับรายได้รวมตามงบการเงินรวมในปี 2567 (ไม่รวมรายได้อื่น) เท่ากับ 2,339.78 ล้านบาท ลดลง 79.34 ล้านบาท หรือลดลง 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีรายได้รวม (ไม่รวมรายได้อื่น) 2,419.12 ล้านบาท
โดยมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ รายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ ประกอบด้วย รายได้จากการขายโฆษณาและโปรโมตในช่วงเวลาต่าง ๆ ของช่อง WORKPOINT และช่องทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงรายได้จากการให้เช่าช่วงเวลาให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อออกอากาศรายการโทรทัศน์ในช่อง WORKPOINT, รายได้จากการรับจ้างผลิตรายการ และรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการไปยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปี 2568 มีการปรับกลยุทธ์สำหรับธุรกิจคอนเสิร์ตโดยจะลดการจัดคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศลง เพื่อลดผลกระทบจากการแข่งขัน และสำหรับงานเทศกาลดนตรีในประเทศนั้น บริษัทมีแผนที่จะจัดทำร่วมกับพันธมิตรค่ายเพลงอื่น ๆ ผ่านการลงทุนร่วมกัน และบริษัทมีแผนเลิกผลิตละครซึ่งจะส่งผลให้ค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ละครซึ่งบันทึกในต้นทุนและการตั้งด้อยค่าลิขสิทธิ์ละครลดลงอย่างมีนัยสำคัญ