ด้วยเพราะเป็น โผเล็กๆ การจัดทำบัญชีรายชื่อ แต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล กลางปี 2568 เป็นการโยกย้าย เพื่อรองรับ นายทหารที่จะเกษียณ เท่านั้น จึงเป็นไปอย่างเงียบๆ

แต่ก็ผ่านขั้นตอน การหารือของ ผบ.เหล่าทัพ แล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือการ นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกลาโหม หรือ บอร์ด 7 เสือ กลาโหม ที่กำหนด ในวันที่ 28 ก.พ.  ซึ่งถือว่ารวดเร็ว

โดย ภูมิธรรม เวชยขัย  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จัดคิวให้  ในวันประชุมสภากลาโหม  28 ก.พ.  ก่อนที่ภูมิธรรม จะลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ คลองลึก-ปอยเปต ชายแดนไทย-กัมพูชากับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ที่จับตากันในกระทรวงกลาโหมคือ ภูมิธรรม จะมีการจัดทีมนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกลาโหมใหม่แบบยกชุดเนื่องจากชุดเดิมเป็นชุดที่ สุทิน คลังแสง ตอนเป็นรัฐมนตรีกลาโหมพลเรือนได้แต่งตั้งไว้แต่ในฐานส่วนใหญ่ก็เป็นนายทหารในสายสามกองและโดยเฉพาะสายบ้านป่ารอยต่อเนื่องจาก สุทิน ยอมให้ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหมได้ให้โควตาให้กับเพื่อนเตรียมทหาร 24 หลายคนได้รับการเลื่อนยศก่อนที่จะเกษียณราชการดังนั้นในกลางปีเมษายนนี้จึงมีการหมุนเวียน

โดย ภูมิธรรม จะจัดวางใหม่หมดจำนวน 10 นายพลโดยในจำนวนนี้เป็นพลเอกหนึ่งคน นายพลโท สามนาย และพลตรี 10 นาย

ซึ่ง ภูมิธรรม  เคยระบุว่าจะเป็นคนเลือกเอง พิจารณาเองจากคำแนะนำของนายทหาร ในแต่ละเหล่าทัพ โดยจะยึดว่าให้มาทำงานจริงๆ ไม่ใช่แค่มีชื่อเฉยๆ

ทั้งนี้มีรายงานว่าตำแหน่งหน้าห้อง สนามไชย1 นั้นเป็นประเพณีที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่ทุก 6 เดือนและเป็นอำนาจโดยตรงของรมว.กลาโหม 

ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมา ภูมิธรรม ไม่ได้มีการแต่งตั้งนายทหารฝ่ายเสนาธิการเพิ่มเติม จากที่ได้มีการแต่งตั้งไว้จำนวน 4 นาย 

โดยมีกระแสข่าวว่า จะมีตั้งแต่ ตท.25 จนถึง ตท.35  ที่จะผ่านการคัดตัว ตามระบบ ไม่ใช่แค่เด็กฝาก  เพราะจะต้องมาทำงาน นั่งที่ กระทรวงกลาโหมทุกคน

ภูมิธรรม เองก็มีแผนที่จะปรับปรุงกองทัพในหลายเรื่องโดยจะตั้งคณะทำงานด้านต่างๆอีก 10 ชุด จึงต้องการคนเก่งของนายทหารแต่ละรุ่นในแต่ละเหล่าทัพมาช่วยงาน  รวมทั้งมั่นใจว่าจะนั่งเป็น รมว.กลาโหมจนจบสมัยของรัฐบาลนี้

แม้จะมีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อดีตรมว.เกษตรฯ จะคัมแบ็คกลับเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหมในฐานะที่เป็นทหารเก่า และเป็นมือขวาอีกคนหนึ่งของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ที่ไว้วางใจ อีกทั้งมีเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 25 เป็นแบ็คอัพ

จนทำให้เกิดกระแสข่าวว่าในการโยกย้ายนายทหาร เดือนกันยายนนี้ เตรียมทหารรุ่น 25 จะดัน “บิ๊กชาย” พล.อ.วสุ เจียมสุข ผช.ผบ.ทบ. ข้ามมาชิง เก้าอี้ปลัดกระทรวง กลาโหม กับ “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เตรียมทหารรุ่น 24 ที่เกษียณตุลาคม 2569 พร้อมกัน

แต่ก็มีรายงานว่า “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก  สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหมที่กำลังจะเกษียณ  ยืนยันที่จะเสนอชื่อพล.อ.ธราพงษ์ เป็นปลัดกลาโหมแทน แน่นอน 

และตราบใดที่ยังใช้บอร์ด7เสือกลาโหม ตามพรบ.กลาโหมฉบับเดิมอยู่ ก็คาดว่าฝ่ายการเมืองยากที่จะแทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้ายให้ตำแหน่งปลัดกลาโหมแม้จะเป็นอำนาจของรัฐมนตรีกลาโหมก็ตาม  แต่ทว่ากระทรวงกลาโหมไม่เหมือนกระทรวงอื่นเพราะปลัดกลาโหม ก็ถือเป็นผบ. เหล่าทัพ เช่นกัน

โผโยกย้าย เมษายนนี้จึงเป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้นก่อนที่กองทัพจะร้อนระอุในโยกย้ายเดือนกันยายนนี้  ที่จะมีการเปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพถึง 4 คน  ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทบ.  ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.