เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือเหตุการณ์ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งหมดล้วนแต่สร้างความสูญเสียในแง่ของทรัพย์สิน ชีวิต ทั้งยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ประสบภัย รวมถึงผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ ทว่าท่ามกลางความมืดมนของวิกฤตนี้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันของมนุษย์กลับเป็นแสงสว่างที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับบุคคล สร้างสังคมแห่งความเอื้ออาทร
เพื่อค้นหาหนทางนำพลังบวกจากความเสียหายมาพัฒนาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เวทีเสวนา ‘ภัยพิบัติ การร่วมชะตากรรม และประตูสู่การพัฒนาจิตวิญญาณ’ จึงถือกำเนิดขึ้น ภายในงาน Soul Connect Fest 2025 ครั้งที่ 2 โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมด้วยภาคีกว่า 100 องค์กร พร้อมเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ อาสาสมัคร หรือผู้ประสบภัย
ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เผยว่า ในช่วงที่เกิดอุทกภัย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง นับเป็นการช่วยให้ภาครัฐเข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน สามารถบริหารจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นขณะเดียวกัน ‘การเตรียมพร้อมและการสื่อสารที่ดี’ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งภาครัฐเพียงลำพังไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ ต้องพึ่งพาความร่วมมือจากประชาชน-ภาคเอกชน ดังนั้น เพื่อให้การทำงานครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการประสานงานในหลายภาคส่วน ต้องกล้าตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้า เป็นการสะท้อนบทบาทของภาครัฐในการบริหารจัดการวิกฤต รวมถึงการทำงานกับชุมชนเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ ผอ. มูลนิธิกระจกเงา เล่าว่า ภายใต้ความสูญเสียและความทุกข์ยาก มีผู้ประสบภัยจำนวนไม่น้อยที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้อื่น นี่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เชื่อมโยงกันผ่านความเจ็บปวด ขณะเดียวกัน อาสาสมัครยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็นกรณีสึนามิในอดีต หรืออุทกภัยครั้งล่าสุดที่จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยให้เกิดนโยบายจิตอาสาและแนวทางการฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ นอกจากภาครัฐและอาสาสมัคร เสวนาครั้งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนเข้าร่วม เช่น ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก และ คุณไมตรี จงไกรจักร์ ผจก. มูลนิธิชุมชนไทย ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ พร้อมมอบแนวทางการใช้พลังจิตวิญญาณในการฟื้นฟูผู้ประสบภัยเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า แม้ภัยพิบัติจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมาถึง มนุษย์ก็สามารถเลือกที่จะเปลี่ยนความสูญเสียให้เป็นพลังแห่งความร่วมมือ ที่ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น แต่ยังช่วยพัฒนาจิตใจและสร้างสังคมที่เข้มแข็งในระยะยาว