นายประพันธ์ อัศวอารี ประธานกรรมการบริหาร สนามบลู แคนยอน คันทรี คลับ กล่าวถึงการจัดการแข่งขันกอล์ฟเคแอลพีจีเอ ทัวร์ แมตช์เปิดฤดูกาล รายการ “บลู แคนยอน เลดี้ส์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” ชิงเงินรางวัล 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ (27.65 ล้านบาท) แชมป์รับเงินรางวัล 144,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4.88 ล้านบาท) เล่นสโตรคเพลย์ 4 วัน 72 หลุม ระหว่างวันที่ 13-16 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ถือว่าประสบความสำเร็จและสร้างความประทับใจอย่างมาก

“รายการนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทางฝั่งเคแอลพีจีเอ ทัวร์ ของเกาหลีใต้ ในการจัดการแข่งขัน โดยเฉพาะสกอร์ของนักกอล์ฟที่ออกมา ซึ่งมีทั้งทั้งเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, จีน และ ไทย อยู่บนลีดเดอร์บอร์ด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการแข่งขันที่เป็นของนักกอล์ฟเอเชียจริง ๆ”

“มาถึงตรงนี้รู้สึกพอใจกับเสียงตอบรับที่ดีจากการแข่งขัน และสนามเองก็ได้แสดงศักยภาพในการจัดแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งภาพที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีของรายการนี้ที่คึกคักมากขึ้น และมีแนวโน้มที่ดีจากเสียงตอบรับของบรรดานักกอล์ฟในภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งความตื่นเต้นของซิกเนเจอร์ โฮล ของเราที่หลุม 14 พาร์ 3 ที่สวยงาม สร้างความประทับใจให้กับบรรดานักกอล์ฟอย่างยิ่ง”

ส่วนการพัฒนาสนามบลู แคนยอนฯ ที่ล่าสุดเพิ่งคว้ารางวัลสนามกอล์ฟยอดเยี่ยมของประเทศไทย จากการประกาศรางวัลของ เวิลด์ กอล์ฟ อวอร์ดส์ 2024 ณ เมืองมาเดรา ประเทศโปรตุเกส นั้น นายประพันธ์ ยอมรับว่า “เราเองก็ไม่นิ่งนอนใจ และเชื่อมั่นว่ายังมีอีกหลายจุดที่เราต้องพัฒนาสนามให้สมบูรณ์แบบมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยมากขึ้น แม้ว่าสนามของเราเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นสนามที่ดีที่สุดของเมืองไทยก็ตาม”

บิ๊กบอส บลู แคนยอนฯ ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับทางเคแอลพีจีเอ ทัวร์ ว่า “นับเป็นเรื่องที่ดีที่ทาง เคแอลพีจีเอ ทัวร์ เกาหลีใต้ มองเห็นถึงศักยภาพของเรา และได้วางแผนที่จะจัดแข่งขันรายการนี้อีกหลายปี ทำให้เราอยากสร้างให้แมตช์นี้มีความสำคัญ และอยากให้เป็นหนึ่งในรายการแข่งขันกีฬาที่สร้างชื่อเสียง และช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ต”

ส่วนเรื่องการจัดแข่งขันของสนามบลู แคนยอนฯ ที่เตรียมมีการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนหญิงนานาชาติ รายการ “แอนนิก้า เอเชีย แอธ บลู แคนยอน คันทรี คลับ ภูเก็ต” ในเดือน เม.ย.นี้ เราเองต้องการให้มีการจัดการแข่งขันกอล์ฟระดับนานาชาติให้มีมากขึ้น และตั้งเป้าหมายว่าจะมีการจัดแข่งขันอย่างน้อย 3-4 รายการต่อปี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจให้จังหวัดภูเก็ตต่อไป.