เรียงคนมาเป็นข่าว:ชโลทร/ภาพข่าวสังคม วันที่ 18 มีนาคม 2568
GH News March 18, 2025 02:41 PM

เรียงคนมาเป็นข่าว:ชโลทร/ภาพข่าวสังคม วันที่ 18 มีนาคม 2568

●…การเมืองเข้าสู่โหมด “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ที่โหมโรงด้วยมีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ในญัตติได้หรือไม่ และ “ให้เวลาฝ่ายค้านกี่ชั่วโมง” ซึ่งเอาเข้าจริงเป็นแค่ “สาระลวง” ที่ “พรรคประชาชน” ที่ถูกปรามาสว่า “ฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” ใช้ต้อน “ผู้อาวุโสที่อยากโชว์เก๋าให้นายเห็น” ใน “พรรคเพื่อไทย” ให้ไปกองรวมอยู่ในกำลังพลระดับ “องครักษ์พิทักษ์นาย” โดยคิดว่านายจะให้ราคาเป็น “ขุนพล” ขณะที่หัวใจของบทบาทในสภา อยู่ที่ “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” ใครจะให้ภาพว่าเป็น “ความหวังต่ออนาคตของประเทศ” ได้มากกว่ากัน

●…ภารกิจหนักอึ้งของ “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” คือต้องสร้างผลงานให้ประชาชนยอมรับว่ามี “ภาวะผู้นำ” ในระดับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ทำได้ ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะต้องแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นไปของประเทศอย่างรอบด้านและแหลมคม” พร้อมกับ “ตีแผ่ความสิ้นหวังที่เกิดจากการทำงานของรัฐบาลชุดนี้” โดยเฉพาะ “ความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมในการเป็นผู้นำ” ของ “แพทองธาร ชินวัตร” ด้วยบทบาทของ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ให้ได้ พร้อมๆ กับควบคุมทีมงานให้แจกแจงรายละเอียดของ “ความสิ้นหวัง” ให้ชัดเจน ก่อนจะสรุปว่า “พรรคประชาชน” โดย “ณัฐพงษ์” คือ “ความหวังที่เหนือกว่าอย่างไร” ให้ได้

●…ขณะที่เป็นโอกาสสำคัญของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ที่จะประกาศตัวให้ทุกคนรับรู้ว่าเป็น “นายกรัฐมนตรีเจนวาย” ที่ไม่ใช่แค่ “ไข่ในหินแตะต้องไม่ได้” เอาแต่อาศัย “องครักษ์พี่เลี้ยง” คุ้มครองปกป้อง แต่องอาจด้วยความรู้ความสามารถ “เด็ดขาดเฉียบแหลมในภาวะผู้นำ” เท่าทันความเป็นไปที่ซับซ้อนของ “ยุคสมัยของโลกที่โกลาหลในสงครามการค้ารุนแรง และการเมืองไร้ปรานี” เป็นผู้นำที่ผู้คนทุกระดับ “ฝากความหวังไว้ได้”

●…สำหรับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น “กุนซือใหญ่” ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าระหว่าง “พวกโชว์เก๋าคุ้มครองนาย” กับ “พวกเปิดทางให้นายโชว์การนำ” สำหรับ “อนาคตของแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย” ใครคือผู้ที่สมควรยกย่องให้เป็น “ขุนพลคู่บารมี” มากกว่า ในยุคสมัยที่ภาพในความรู้สึกนึกคิดของผู้คน “วิสุทธิ์ ไชยณรุน-พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” หรือกระทั่ง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แสดงให้เห็นชัดๆ แล้ว

●…โจทย์ยากของ “รัฐบาล” คือ “ฟื้นเศรษฐกิจจากวิกฤต” ไปทุกด้าน “ความสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านเสื่อมทรุด-หนี้ทั้งสาธารณะและครัวเรือนที่ลามสู่การเอาตัวรอดยังยาก-กิจการล้มละลายลามจากเอสเอ็มอีไปกระหน่ำธุรกิจใหญ่ให้ซวนเซ” คำถามถึง “ความสามารถในการผลิตที่ถูกสินค้าจีนทำลาย” พร้อมกับ “ทำเลการค้าและธุรกิจถูกยึดครองจากทุนต่างชาติ” คำถาม “แล้วคนไทยจะอยู่ตรงไหน” เป็นเรื่องใหญ่ที่ “ผู้บริหารประเทศ” ต้องให้คำตอบ การพูดถึง “โลกข้างหน้า” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” โดยไม่มีคำตอบว่าจะจัดการกับ “ซากปรักหักพัง” ที่ “โครงสร้างอำนาจแช่แข็งประเทศ” ก่อกรรมไว้ ระงับความทุกข์ร้อนของผู้คนไม่ได้

●…โลกยุค “สงครามการค้าไร้น้ำใจ” ในฐานะ “รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง-ภูมิธรรม เวชยชัย” พร้อม “รมว.ยุติธรรม-ทวี สอดส่อง” นำทีมไปรับประกัน “การดูแลอุยกูร์ที่ไทยส่งกลับจีน” ขณะ “กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ” ประกาศให้ “ระงับวีซ่าเข้าอเมริกา” กับ “เจ้าหน้าที่รัฐไทย” ที่ “สนับสนุนการส่งกลับอุยกูร์” ที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่การยืนหยัดใน “ภารกิจที่ทำไปแล้วของรัฐบาล” แต่ที่ชวนให้วิตกกังวลไม่ได้คือ “จิตใจของข้าราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง” มอง “การตัดสินในเรื่องนี้อย่างไร” พร้อม “เสียสละประวัติส่วนตัวในสายตาประชาคมโลก” เพื่อทุ่มเททำงานให้รัฐบาลหรือไม่…

●…อีกสถานการณ์ที่กดดันไม่แพ้กัน ในคืนวันที่ “นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบ” และ “รัฐบาลจีน” ซ้ำด้วยการเตือน “ความรุนแรงในสถานที่คนเยอะๆ ในไทย” ที่เสี่ยงจากความขัดแย้ง “นโยบายส่งกลับอุยกูร์” ที่อดีตเคยเกิดมาแล้วที่ “ศาลพระพรหม” คำเตือน “สภายุโรป” ที่หยิบเอา “สำนึกสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทย” โดยยกเรื่อง “อุยกูร์” และ “คดีการเมือง” ขึ้นมาซ้ำเติมโลกที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ข่มขู่ประเทศเล็กฟ่อๆ ถึงมาตรการใน “สงครามการค้า” ขณะที่ “การทำมาหากินในประเทศไทยเราฝืดเคืองไปทุกกิจการ” มีใครที่ยังหายใจได้ทั่วท้องได้จริงหรือ

ชโลทร

ลงนาม – เสรี นนทสูติ กรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมด้วย นุชนภา วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญสิน แอสเสท จำกัด และคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 หมู่เสือ พร้อมด้วย เพชรัตน์ อุทัยสาง, สุขวสา ภูชัชวนิชกุล ลงนามใน MOU ร่วมกับ พิรุณ ลายสมิต เพื่อจัดทำโครงการยกระดับสร้างโอกาสการฝึกงานและทำงานให้กับคนพิการ
เยี่ยมชมบูธ – สุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย พงษ์ วิเศษไพฑูรย์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นำคณะผู้บริหารเยี่ยมชมบูธของกลุ่มธุรกิจเกษตรภัณฑ์ (KSP-KPI) CP BIO Famsun Co,.Ltd และ Phibro Animal Health (Thailand) Limited ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อเร็วๆ นี้
เดินหน้ายกระดับ – ณัฐพล จันทร์สิวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ร่วม) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ณัชชา สุนทรธาราวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ร่วม) และผู้บริหารสูงสุดด้าน Private Wealth บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย กวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด    (มหาชน) และคณะผู้บริหารบล.พาย ประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานปี 2567
มอบความรู้ – โอซีซี กรุ๊ป สานต่อโครงการ “ต้นกล้าแห่งความงาม ต้นทางแห่งอาชีพ” โดย สุวภา ศิริวรรณ หัวหน้าหน่วยอบรมแต่งหน้าและพัฒนาบุคลิกภาพ พร้อมทีม Beauty Creator บริษัทโอซีซี จำกัด (มหาชน) เข้ามอบความรู้การเทคนิคแต่งหน้าขั้นพื้นฐาน โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนบำรุงผิวที่ถูกต้องให้แก่ผู้ต้องขัง โดยมี สริตา ศิลาโรจน์ ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี ให้การต้อนรับ เมื่อเร็วๆ นี้
มอบผลิตภัณฑ์ – ชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มอบผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขอนามัย Double A Care ให้กับผู้บริจาคโลหิต อาทิ เพียว&พรีเมียม ทิชชู แบบมินิพ็อคเก็ต และสบู่โฟมล้างมือ ภายใต้โครงการ “Double A ห่วงใย เคียงข้างเพื่อสังคมไทย” เพื่อเชิญชวนคนไทยรวมพลัง ร่วมบริจาคโลหิต ช่วยเหลือผู้ป่วย โดยมี ปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนรับมอบ
ร่วมให้ข้อมูล – นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MEDEZE” พร้อมด้วย พิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน MEDEZE Treasury PTE. LTD. ร่วมให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในงาน Analyst Meeting Year End 2024 โดยบริษัทมีรายได้รวม 897.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.78% และมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 338.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.39% เดินหน้าในการขยายธุรกิจไบโอเทคโนโลยีในประเทศฟิลิปปินส์
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.