รัฐสภาต้องย้ำ ‘เจตนารมณ์’
SUB_TIK March 19, 2025 12:20 PM
บทบรรณาธิการ

ที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ลงมติเห็นชอบให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ด้วยคะแนน 304 เสียง ไม่เห็นด้วย 150 เสียง งดออกเสียง 124 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง รัฐสภาต้องการทราบว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะเริ่มจากการแก้ไขมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องทำประชามติกี่ครั้ง เพราะก่อนหน้านี้

ศาลรัฐธรรมนูญระบุในคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ว่า รัฐสภาดำเนินการได้ แต่ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ก่อนหน้าที่จะลงมติเห็นชอบ ทั้ง สส.และ สว.ได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง ฝ่ายค้านวิจารณ์รัฐบาลว่ากำลังเล่มเกมเตะถ่วงด้วยการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งที่คำวินิจฉัย 4/2564 ชัดเจนแล้วว่า ทำประชามติ 2 ครั้ง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลนำร่างแก้ไขเข้าสภาได้เลย ส่วนพรรครัฐบาลยืนยันว่า การแก้ไขควรดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้ร่างแก้ไขถูกตีตก

ระหว่างการพิจารณา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ชี้แจงว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 มีหลัก 3 ประการ คือ 1.รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.รัฐสภามีอำนาจในบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ถ้ารัฐสภาต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ดำเนินการแล้วไปทำประชามติ โดยนายวันมูหะมัดนอร์เผยว่า เมื่อศาลใช้คำว่า “ถ้ารัฐสภาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” หมายความว่า รัฐสภาต้องพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 256 วาระที่ 1, 2 และ 3 และให้ความเห็นชอบแล้ว จึงถือว่า รัฐสภาแสดงถึง “ความต้องการ” แต่ถ้ายังไม่พิจารณา อยู่ ๆ มีพรรค หรือประชาชนเสนอร่างแก้ไข นั่นเป็นความต้องการของพรรคของประชาชน

ถ้าจะบอกว่ารัฐสภาต้องการ ต้องประชุมและลงมติเห็นชอบ เมื่อแสดงชัดเจนว่ารัฐสภาต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยผ่านร่างแก้ไขมาตรา 256 วาระ 3 ก็จะไปถามประชามติจากประชาชน แล้วจึงร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเลือก ส.ส.ร. ถ้าประชาชนทั้งประเทศต้องการ ก็จะเลือก ส.ส.ร. แต่ถ้าไม่ต้องการ ก็ไม่ต้องไปเลือก ส.ส.ร. การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องยุติ เพราะประชาชนไม่ต้องการ

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายตอนหนึ่งว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับที่มาองค์กรอิสระ ปัญหานิติสงคราม การรับรองสิทธิของประชาชน การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ ประเทศเคยมีเศรษฐกิจดี เป็นผู้นำในเวทีนานาชาติ ทุกวันนี้ยังหลงเหลือความภาคภูมิใจแบบนั้นอยู่หรือไม่

การแก้ไขรัฐธรรมนูญดีต่อประชาชนทุกคนและทุกพรรค จึงต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในที่ประชุม ยังมีความเห็นจากนายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ว่าที่ผ่านมาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านรัฐสภา เพราะเสียง สว.ไม่ถึง 1 ใน 3 หากจะแก้ไขอีก ต้องมีเสียง สว. ตามจำนวนและตีความให้ชัดเจน คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน จากเนื้อหาของการอภิปราย เห็นชัดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลเป็นการปรับโครงสร้างทางการเมือง ต้องใช้ความรอบคอบ และติดตามอย่างจริงจัง เพื่อมิให้เกิดการฉวยโอกาสเตะถ่วง

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.