CPALL ประกาศซื้อหุ้นคืน 7,500 ล้าน 150 ล้านหุ้น เริ่ม 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 บล.กสิกร ชี้เพิ่ม ROE กำไรต่อหุ้น
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 7,500 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.67% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 โดยราคาหุ้นที่จะซื้อคืนจะไม่เกินกว่า 115% ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้าวันที่ทำการซื้อขาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาราคาปิดของหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เท่ากับ 50.43 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้มีมติมอบอำนาจให้ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ และ นายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์ เป็นคณะบุคคลมีอำนาจร่วมกันในการพิจารณากำหนดราคาและเงื่อนไขของการเข้าซื้อหุ้นคืนภายในขอบเขตที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการ รวมถึงการเปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนให้มีอำนาจดำเนินการต่าง ๆ ตามจำเป็นและสมควรเกี่ยวกับเรื่องการซื้อหุ้นคืนของบริษัท
ทั้งนี้ เหตุผลในการซื้อหุ้นคืนคือ 1. เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ 2. เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings per Share) 3. เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทในอนาคต
สำหรับข้อมูลกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท ตามข้อมูลจากงบการเงินสอบทานงวดล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ประกอบด้วย
1.กำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรของบริษัท เท่ากับ 80,592 ล้านบาท
2.หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน เท่ากับ 19,700 ล้านบาท
3.อธิบายความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน โดยระบุแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการชำระหนี้คืน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีเงินสดคงเหลือจำนวน 27,693 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทประมาณการว่าจะมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 จึงทำให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในอีก 6 เดือนนับจากวันที่ดำเนินการซื้อหุ้นคืน และมีเงินสดคงเหลือเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการซื้อหุ้นคืนตามโครงการ
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า สำหรับ CPALL งวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิออกมาดีเกินคาดที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และเพิ่มขึ้น 5.7% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)
ซึ่งสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 6.8 พันล้านบาท 12% และสูงกว่าประมาณการของตลาดที่ 6.9 พันล้านบาท 10% ส่วนใหญ่มาจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ต่ำกว่าคาด (ลดลง 40bps เมื่อเทียบ YOY)
การเติบโตได้รับแรงหนุนจากการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 3% ซึ่งขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน (RTE) และเครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD) โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว และผลประกอบการที่ดีขึ้นของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) กำไรจากการดำเนินงานของ CVS ที่แข็งแกร่งช่วยสนับสนุนการเติบโต QOQ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 คิดเป็น 27.1% ของประมาณการกำไรทั้งปี
สำหรับโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงินสูงสุด 7.5 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.67% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยระยะเวลาการซื้อคืนจะครอบคลุมเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. – 14 พ.ย. 2568 ซึ่งเทียบเท่าราคาซื้อหุ้นคืนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาปิดของเมื่อวานนี้ประมาณ 3%
มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อโครงการนี้ เนื่องจากคาดว่าจะช่วยเพิ่ม ROE และกำไรต่อหุ้น (EPS) แม้ว่าเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนราคาหุ้นอย่างจำกัดก็ตาม