ภาวะหนังตาตก สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะมีความรุนแรงแตกต่างกัน อาจพบข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดแต่ส่งผลต่อการมองเห็น เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและวางแผนการรักษา
วิธีสังเกต อาการแบบใดที่เรียกว่า ภาวะหนังตาตก
หนังตาตก (Ptosis) กับหนังตาหย่อน (Dermatochalasis) แตกต่างกัน รักษาไม่เหมือนกัน
ภาวะหนังตาหย่อน (Dermatochalasis) คือ ภาวะที่ผิวหนังมีการหย่อนคล้อย สังเกตได้จากหนังตาจะคล้อยและหย่อนลงมาปิดชั้นตา ทำให้ชั้นตาดูเล็กลงในคนที่มีชั้นตาอยู่เดิม หรือหย่อนมาถึงระดับของขนตาในคนที่เดิมเป็นตาชั้นเดียว ภาวะนี้ไม่ได้มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด แค่อาจทำให้ใบหน้าดูไม่สดชื่นและดูสูงวัย โดยพบได้ตั้งแต่วัยกลางคนจนถึงวัยสูงอายุ
ภาวะหนังตาตก (Ptosis) คือ ลักษณะของหนังตาที่ตกลงมาปิดบริเวณขอบบนของตาดำมากกว่าปกติ (โดยทั่วไปแล้วหนังตาควรจะอยู่ต่ำกว่าขอบตาบนของตาดำไม่เกิน 1-2 มิลลิเมตร) การมีหนังตาตกจะทำให้ใบหน้าดูง่วงนอนตลอดเวลา ใบหน้าแลดูเศร้าหมอง เช่นเดียวกับภาวะหนังตาหย่อน ในกรณีที่เป็นมากอาจรบกวนการมองเห็นและเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันได้

วิธีการรักษาภาวะหนังตาตก
ผ่าตัดหนังตาตก
ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้เป็นหนังตาตกที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อ สามารถผ่าตัดช่วยแก้ไขให้ดีขึ้นได้ หลังผ่าตัดสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 7 วัน และเข้ามาตัดไหม ในกรณีที่คนไข้มีภาวะหนังตาหย่อนร่วมด้วยก็สามารถแก้ไขได้ในคราวเดียวกัน
ข้อห้ามในการผ่าตัดแก้ไขภาวะหนังตาตก
1. ภาวะสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย (Uncontrolled Medical Conditions)
2. การติดเชื้อเฉียบพลันบริเวณรอบดวงตาหรือทั่วร่างกาย (Acute Infection) หากมีอาการติดเชื้อที่ตา เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ตากุ้งยิง หรือมีการติดเชื้อในร่างกาย เช่น เป็นหวัด มีไข้ แพทย์จะเลื่อนการผ่าตัดออกไปจนกว่าอาการจะดีขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
3. ภาวะตาแห้งรุนแรง (Severe Dry Eye Syndrome) การผ่าตัดแก้ไขหนังตาตก โดยเฉพาะการยกเปลือกตาขึ้นมากเกินไป อาจทำให้ภาวะตาแห้งแย่ลงได้ เนื่องจากเปลือกตาอาจปิดไม่สนิท หรือปริมาณน้ำตาที่เคลือบผิวดวงตาลดลง หากผู้ป่วยมีภาวะตาแห้งรุนแรงอยู่แล้ว แพทย์จะพิจารณาหรืออาจเลือกวิธีการรักษาอื่นที่เหมาะสมกว่า
4. ความผิดปกติของกระจกตาหรือจอประสาทตาที่รุนแรง หากมีปัญหาด้านสายตาที่รุนแรงอยู่แล้ว การผ่าตัดหนังตาตกอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาการมองเห็นทั้งหมดได้
5. การสูบบุหรี่ แม้จะไม่ใช่ข้อห้ามเด็ดขาด แต่การสูบบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น การหายของแผลที่ช้าลง และการติดเชื้อ ดังนั้นแพทย์มักแนะนำให้งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังการผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแก้ไขภาวะหนังตาตก
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญต่อผลลัพธ์ของการรักษา การฟื้นตัว และการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยมีสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังผ่าตัดแก้ไขภาวะหนังตาตก ดังนี้
อาการที่ต้องรีบมาพบแพทย์
การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และการสังเกตอาการผิดปกติอยู่เสมอ จะช่วยให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดแก้ไขภาวะหนังตาตกเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การป้องกันภาวะหนังตาตก
ส่วนใหญ่ภาวะหนังตาตกไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถสังเกตด้วยตัวเอง หรือ เข้ารับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พบภาวะหนังตาตกและรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก
ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์อุ้มยศ รัตนามหัทธนะ แพทย์ศัลยศาสตร์ตกแต่ง โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท