เฟลศาสตร์ (Failosophia) “ความสามารถในการยอมรับความล้มเหลว...แสดงออกถึงการยอมรับความแข็งแกร่งอยู่เสมอ”
GH News January 25, 2025 08:06 AM

ปากกาขนนก / สกุุล บุณยทัต

มีอยู่หลายครั้งหลายหน..ที่ชีวิตของเราต้องประสบกับความล้มเหลวอย่างสิ้นท่า..แม้จะเริ่มต้นด้วยพลังแห่งความหวังอันล้นเหลือ..แต่ศักยภาพของชีวิต...อุบัติการณ์เหนือคาดคิด หรือ บาปเคราะห์จากโชคชะตา ก็อาจทำให้เราผิดหวังและสูญสิ้น..อย่างสิ้นท่า..

การหยั่งเห็นสัจจะอันเสมือนดั่งบาดแผลฉกรรจ์นี้ คือเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญต่อหัวใจ..ที่จะมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาใหม่..ด้วยความวาดหวังถึงชนะ..

ศาสตร์วิถีแขนงนี้..เคลือบแน่นไว้ด้วยเลือดเนื้อของประสบการณ์ ตลอดจนความสามารถที่จะยอมรับ..กับสิ่งเป็นดั่งบาดแผลของความทุกข์เศร้าโดย..ไม่จำนน..!

นัยนี้..จึงเป็นสิ่งพิเศษ ที่แสดงออกให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของชีวิต..เป็นความหมาย..ของการสร้างภูมิชีวิตแห่งการดำรงอยู่ขึ้นมา..โดยไม่คิดจะยอมแพ้..แม้เมื่อใด..!

“ความสามารถในการยอมรับความล้มเหลว..แสดงออกถึงการยอมรับความแข็งแกร่งแห่งชีวิต..เสมอ..”

“นัยความคิดสำคัญดังกล่าวข้างต้น..เป็นของหนังสือ.. “เฟลศาสตร์” (Failosophia)..ที่เขียนและบันทึกขึ้นโดย.. “เอลิซาเบธ เดย์”..จาก “พอดแคสต์ที่มียอดดาวน์โหลดกว่าหนึ่งล้านครั้ง..กระทั่งกลายเป็นหนังสือขายดีที่สุด(Bestsellers).. ด้วยนัยสำคัญที่สุดที่ว่า.. “จงเปลี่ยนความผิดพลาดให้เป็นชัยชนะ..เพราะผู้ชนะจะไม่กลัวความผิดพลาด และเชื่อมั่นในความผิดพลาด กระทั่งผลักดันชีวิตสู่จุดสูงสุด”

นั่นคือ..พลังความคิด..ที่จะทำให้คนเราทุกคน เผชิญกับความล้มเหลวแบบไหนก็ได้..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่..ด้วยหลักการต่างๆที่จะช่วยให้เราภาวะของความล้มเหลวในครั้งแล้วครั้งเล่า..ไม่ว่าจะเป็นจาก..*ความล้มเหลวในงานเมื่อเช้านี้/ความล้มเหลวจากการที่จะพูดถึงอะไรบางอย่าง/ล้มเหลวที่จะเป็นตัวของตัวเอง/หรือ..ล้มเหลวที่จะทำตามความหวังของใคร..*

ทั้งหมดเป็นผลรวมของความคิด..ที่ “เอลิซาเบธ” ตีแผ่และอธิบายออกมาอย่างน่ารับฟัง..ช่วยให้เราเลิกกังวล...ต่อความไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง เพราะกลัวความพ่ายแพ้..หรือถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นจริง ก็กลัวที่จะโอบกอดความล้มเหลว..และกลัวการใช้ประโยชน์จากมันมากที่สุด..

“..ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2018..ฉันคิดถึงเรื่องราวความล้มเหลวของตนเองและคนอื่นมาโดยตลอด..ไม่ว่าความล้มเหลวที่กำหนดว่า “จะเป็นใคร” ..รวมถึงความล้มเหลวที่ดูงี่เง่าเมื่อนึกย้อนกลับไป..ทุกอย่างตั้งแต่การแต่งงานล้มเหลว ไปจนถึงการขอใบขับขี่”

มองความล้มเหลวอย่างเป็นกลาง..เมื่อล้มเหลวอย่าใส่อารมณ์กับมันจนมากเกินไป..

“การที่เรา..โหมกระหน่ำอารมณ์ต่างๆ เข้าหาตัวเอง..มีแต่จะทำให้ตัวเองเป็นทุกข์  เศร้าโศก ผิดหวัง และจะทำอย่างไรต่อไป...ลองหาทางแยกของตัว สังเกตการณ์ ..ความลัมเหลวและหาทางทำอะไรต่อไป..”

ประเด็นสำคัญประเด็นแรกนี้..คือนัยความคิดที่แสดงต่อเงื่อนไขของความล้มเหลว ให้เห็นอย่างแจ้งชัด..

*ประเด็นต่อมา..จงอย่าคิดจากมุมที่แย่ที่สุด..

แน่นอนว่า..ความสุขของเราเกิดจากมุมมองของเราต่อสิ่งที่เกิดขึ้น..ลบด้วยความหวังในสิ่งที่อยากให้เป็น..หลายๆครั้งเราผิดหวัง เราจึงมักจะไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ..

"ลองเอาความคิดลบ..ออกไปจากหัว แล้วให้พื้นที่ความคิดใหม่บ้าง เช่นแทนที่จะบอกว่า..สิ่งนี้จบลงแล้ว..ก็ลองบอกกับตัวเองว่า.. “สิ่งนี้เคยมีอยู่” หรือ “สิ่งนี้เคยเกิดขึ้น” ....”

ประเด็นที่สาม..นี้จะไปย้ำเตือนให้ตระหนักถึงว่า...เกือบทุกคนรู้ว่าตัวเองล้มเหลวในวัย 20...สาเหตุหลักมาจากประสบการณ์จริง ไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวัง..

หลายคนอาจคาดหวังกับวัย 20 ของตัวเองให้สนุกสุดเหวี่ยง..ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนทุกคืนเอนจอยไลฟ์..ใช้ชีวิตโดยไร้ข้อผูกมัด...

“บางทีเรื่องพวกนี้..มันก็มากเกินไป จนเรารู้สึกเหนื่อย ความกดดันจากทั้งคนรอบข้าง จากโซเชียลมีเดีย และจากตัวเราเอง ทำให้เราผิดหวังกับชีวิตวันนี้”

ประเด็นที่ 4..การเลิกลาไม่ใช่โศกนาฏกรรม..แม้การเลิกราหย่าร้าง มันเป๋นำสิ่งที่แย่ แต่มันก็เป็นเหมือนบทเรียน ฉบับเร่งรัด ให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้ว..เราเป็นใคร? และมีส่วนตรงไหน..ทำให้ความสัมพันธ์ต้องถึงจุดจบ..

“ถ้าเรามองมันเป็นบทเรียนที่ดี..เราอาจได้พบว่า..ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากก็เป็นได้..”

ประเด็นที่ 5..ให้มองความล้มเหลวให้เหมือนกับการเก็บข้อมูล..เปรียบเทียบนักวิทยาศาสตร์ที่ทำวิจัยค้นคว้า หาวิธีรักษาโรคร้าย พวกเขาอาจต้องใช้กลยุทธมากมาย ค้นหาวิธีต่างๆขึ้นมา..แต่ถ้าวิธีที่พวกเขาลองใช้ไม่ได้ผล..เหล่านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ก็ไม่ได้มองว่าพวกเขาล้มเหลว

“ความล้มเหลวคือ วิธีการที่ไม่ได้ผล และช่วยให้เราสามารถกำจัดวิธีการที่ไม่ถูกต้องออกไปอีกวิธีหนึ่ง จนเหลือแค่วิธีที่ถูกต้องที่รอเราอยู่เบื้องหน้า..ความล้มเหลวจึงไม่ใช่สิ่งกำหนดตัวเรา แต่เป็นเพียงความรู้สึกที่ขาดหายไป..”

ประการที่ 6..อย่าวาดฝันถึงชีวิตในอนาคตมากเกินไป เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมีภาพอนาคตของตัวเอง..ที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง..

“การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องถูกอนาคตกำหนดอย่างตายตัว..ทำให้เราได้ทำตามสัญชาตญาณและความสนใจของตัวเราเองในปัจจุบันมากขึ้น..ข้อเท็จจริงที่ร้ายที่สุด สำหรับเรื่องอนาคต..คือมันยังเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นกับเรา..”

ประการที่ 7..กล้าเปิดเผยจุดอ่อน..เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ถ้ากล้าแชร์เรื่อง ความล้มเหลวให้คนอื่นรู้ มันอาจเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจที่ทำให้คนอื่นรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และ พร้อมแบ่งปัน..เรื่องราวความล้มเหลวของพวกเขากลับมา..เช่นเดียวกัน..

“แท้จริงความล้มเหลว อาจเป็นตัวเชื่อมมีมิตรภาพ ตลอดจน..ความสัมพันธ์ดีๆของพวกเราหลายคนรอบข้าง..เอาไว้ก็เป็นได้..”

*โดยภาพรวม..ว่ากันว่า..ความล้มเหลวคือการเก็บข้อมูล..ถ้าเริ่มมองว่าล้มเหลว..ก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะพาให้ลงเหว แต่กลับช่วยให้เราสูงขึ้น..หรือมองความล้มเหลวเป็นข้อมูล..

*เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นชัยชนะ*

“ความล้มเหลวปลดเปลื้องแล้วสร้างตัวฉัน ทำให้ฉันแตกสลายและท้าทายให้เติบโต..จากพอดแคสต์ที่มีรางวัลการันตีอย่าง “How to fail with Erizabeth Day” ..สู่หนังสือขายดี ที่จะทำให้คุณล้มเหลวอย่างชาญฉลาด... อย่างดีที่สุด..ไม่ว่าคุณจะเผชิญความล้มเหลวแบบไหน เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่..หลักเฟลศาสตร์ของฉันเรียบง่าย แต่ลึกซึ้งของเอลิซาเบธ...จะทำให้คุณไม่กลัวที่จะล้มเหลว!”

*นอกจากหลักเกณฑ์ทั้ง 7 ข้อที่ได้กล่าวไปแล้ว..ยังมีบทสรุปแบบหนังสือฮาวทูอีกมากมาย..เช่น..*ความล้มเหลว ไม่ได้กำหนดความเป็นตัวเราในเชิงลบ *เพราะความล้มเหลว..เราจึงเติบโต..เราจึงสมควรต้องสัมผัสทั้งแง่ดีและร้ายในชีวิต.

*หากไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง มองทุกอย่างเป็นกลาง โดยไม่ตัดสิน..*จงมีความสุขสงบ ที่กำหนดขึ้นได้จากตัวเอง*

..ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เมื่อใครคนหนึ่งเลือกที่จะแสดงความเปราะบาง หรือเลือกที่จะซื่อสัตย์ ด้วยความอ่อนแอของตนเอง..คนๆนั้นก็เหมือนมีจุดเริ่มต้นของความแข็งแกร่งแล้ว..และในเมื่อความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่ไม่อาจมาถูกกำหนดไว้ด้วยความล้มเหลวของประสบการณ์ ที่พบเจอมา..เราจึงควรที่จะต้องล้มเหลวอย่างชาญฉลาด..นั่นคือ..ล้มเหลวแบบมีการเรียนรู้..ล้มเหลวแบบผู้ที่อยู่บนเส้นทางของ “ผู้ชนะ”..

“เฟลศาตร์ : เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นชัยชนะ” ..ถือเป็นหนังสือของโลกวันนี้ที่สร้างความั่นใจให้แก่ทุกคน..ที่ต้องประสบชะตากรรมด้วยสถานะและชะตากรรมที่ล้มเหลวในชีวิต..ไม่ว่าเราจะกลัวการจะเผชิญหน้า กับความกลัวแบบไหน?

“จงอย่ากลัว..พุ่งชนมัน/..แตกสลายและเติบโตจากบาดแผล..นี่คือ..หมุดหมาย..”

“นัทธมน เปรมสำราญ” แปลและถอดความหนังสือเล่มนี้ออกมาสู่ใจความที่เต็มไปด้วยรายละเอียด...มันคือแรงผลักดันร่วมกัน ที่ทำให้วิถีสื่อสารของ"เอลิซาเบธ"บรรลุผลสมอย่างที่มันควรจะเป็น..!

“..ชีวิต..ไม่ราบรื่นตลอดเวลาหรอก โดยเฉพาะ..ถ้าต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยม..คุณต้องการพร้อมที่จะล้มเหลวในบางครั้ง” ..เช่นเดียวกับว่า..ชีวิตของเราต้องกล้าเปิดเผยจุสมดอ่อน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง หรือถ้ากล้าแชร์เรื่องความล้มเหลวให้คนอื่นรู้..มันก็อาจเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจ..ที่ทำให้คนอื่นรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และ พร้อมแบ่งปัน เรื่องความล้มเหลวของพวกเขา..กลับมาเช่นเดียวกัน..แท้จริงความล้มเหลวอาจเป็นตัวเชื่อมมิตรภาพ และ ความสัมพันธ์ดีๆของเรากับคนรอบข้าง..เอาไว้ก็เป็นได้..

สุดท้าย..เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า..เราเปลี่ยนและเติบโตตลอดเวลา..ดั่งนี้..

“ความสามารถในการยอมรับความล้มเหลว..จึงเป็นการแสดงออกถึง..ความแข็งแกร่ง..เสมอ..!!!”

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.