รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด รักษาการในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายสถานศึกษามีความกังวลถึงสถานการณ์การเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ลดลง เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง และปัญหาสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนของ มทร.ธัญบุรี มีการติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด พบว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว โดยในปีการศึกษา 2567 มหาวิทยาลัยมีแผนรับนักศึกษา 6,462 คน มีผู้สมัคร 28,711 คน ชำระเงินค่าสมัคร 24,619 คน และลงทะเบียนเรียน 7,796 คน ซึ่งสามารถรับได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ และในปีการศึกษา 2568 มีแผนที่จะรับนักศึกษา 6,896 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัคร ทั้งนี้การที่มหาวิทยาลัยได้รับการตอบรับจากนักศึกษา เนื่องจาก มทร. ธัญบุรี มีการประเมินสถานการณ์และวิเคราะห์ความต้องการของตลาดแรงงาน ก่อนจะมีการปรับปรุงหลักสูตรและเปิดสาขาวิชาใหม่ให้ตรงกับอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์กับยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึงการพัฒนาประเทศในทุกด้าน

รศ.ดร.สมหมาย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของนักศึกษา มทร.ธัญบุรี ยังมาจากกลุ่มคนทำงาน ซึ่งอยู่ในสถานประกอบการที่มีความร่วมมือกับ มทร.ธัญบุรี ผู้ที่ยังไม่จบปริญญาตรี แต่ต้องการศึกษาต่อเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งกลุ่มนี้จะเรียนในหลักสูตรต่อเนื่องและการเทียบโอนหน่วยกิต โดยหลักสูตรต่อเนื่องจะเรียนในวันหยุด ส่วนหลักสูตรเทียบโอนหน่วยกิตจะเรียนวันทำงานช่วงเย็นและวันหยุด ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่นักศึกษาเลือกเรียน และกลุ่มที่ต้องการเรียนแบบธนาคารหน่วยกิต มีผู้สนใจขอข้อมูลเพิ่มขึ้น เพราะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลา รวมถึงสถานประกอบการยังต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่จบระดับปริญญาโท-เอก ทำให้จำนวนนักศึกษากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ส่วนนักศึกษาต่างชาติปัจจุบันมหาวิทยาลัยมี จำนวน 379 คน เช่น จีน อินโดนีเซีย รวันดา อินเดีย ไนจีเรีย ไต้หวัน เยอรมัน ฝรั่งเศส เป็นต้น โดยมหาวิทยาลัยมีเกณฑ์คัดเลือกนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาต่ออย่างเข้มงวด

“ผมอยากฝากถึงหลายสถาบันที่มีความกังวลเรื่องจำนวนักศึกษาเข้าใหม่ที่ลดลง ทุกมหาวิทยาลัยจะต้องเรียนรู้การปรับตัว เพราะเทคโนโลยีมีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งยุทธศาสตร์ของประเทศมีการปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยี ดังนั้น หลักสูตรการเรียนการสอนจะต้องสอดรับและตอบโจทย์ รวมถึงต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการ และสิ่งสำคัญจะต้องมีการพัฒนาคณาจารย์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนักศึกษาในเจนเนอเรชั่นปัจจุบันด้วยเช่นกัน” รศ.ดร.สมหมาย กล่าว