สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด เป็นตัวอย่างสหกรณ์ที่ดีของสหกรณ์ในการ “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” หลังประสบปัญหาสมาชิกรายเล็กเลิกเลี้ยงเป็นจำนวนมาก สหกรณ์จึงรวมเอาโควตาของสมาชิกรายเล็กมาเลี้ยงในคอกรวมของสหกรณ์ โดยให้เกษตรกรที่มีการเลี้ยงอยู่เดิมเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งได้ประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ จากการเป็นสมาชิกสหกรณ์
โดยสมาชิกผู้เลี้ยงไก่ไข่ที่ยังรักในอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ ได้ระดมทุนจากสมาชิกเพื่อสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้และส่งเสริมอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ในรูปแบบฟาร์มกลาง” และจัดสรรเงินจากธุรกิจแปรรูปอาหารสัตว์ของสหกรณ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรสูงสุด มาช่วยสมาชิกในการลดต้นทุนการบริหารจัดการไข่ไก่ภายในศูนย์การเรียนรู้ฯ ให้เป็นฟาร์มกลางอัจฉริยะ
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดเพื่อยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครื่องคัดไข่ไก่ ห้องเย็น และเครื่องล้างถาดอัตโนมัติ ทำให้สหกรณ์ลดขั้นตอนการให้อาหารไก่ การเก็บไข่ การคัดไข่และลำเลียงไข่ ช่วยประหยัดต้นทุนแรงงานคนได้
นอกจากนี้ ศูนย์เรียนรู้ฯ ยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสร้างบ่อไบโอแก๊ส (Bio Gas) จากมูลไก่ เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในโรงเรือน ช่วยลดต้นทุนพลังงานในการผลิตไข่ไก่ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้สหกรณ์สามารถผลิตไข่ไก่ได้ตามความต้องการของตลาด รักษาสมดุลตลาดที่สหกรณ์มีอยู่แล้ว และช่วยลดปัญหาการถูกกดราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สายฝน แสงใส ผู้จัดการสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน เล่าให้ฟังว่า ผลกระทบจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาสูงและราคาไข่ไก่ตกต่ำในปี 2543 ส่งผลให้เกษตรกรประกอบอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน ไม่น้อยกว่า 30 ราย เดือดร้อนอย่างหนัก จึงรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ปัจจุบันมีเกษตรกรสมาชิกจำนวน 61 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด มีขนาดฟาร์มเลี้ยง ตั้งแต่ 1,000 ตัว ไปจนถึง 50,000 ตัว ให้ปริมาณไข่ไก่เฉลี่ยต่อวันสูงสุดอยู่ที่ 270,000-280,000 ฟอง แต่ด้วยความเจริญที่รุกคืบเข้ามาในพื้นที่ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจำนวนไม่น้อยต้องล้มเลิกกิจการไป ส่งผลให้ขาดรายได้
“เดี๋ยวนี้การจะเลี้ยงไก่ไข่ต้องทำประชาคมหมู่บ้าน พอความเจริญมาถึงฟาร์มเลี้ยงอยู่กับชุมชนไม่ได้ ถึงแม้เราจะดูแลฟาร์มดีขนาดไหน ชุมชนก็รังเกียจเราอยู่ดี ตอนนี้มีฟาร์มเล็กๆ ก็จะเลิกเลี้ยงไปแล้ว 20 กว่าฟาร์ม ยอดตัวเลขไก่ยืนกรงรวม 1.5 แสนตัวโดยประมาณ สหกรณ์ต้องดูแลคนกลุ่มนี้เพราะเป็นรายย่อยสายป่านไม่ยาวพอซื้อที่ดินสร้างฟาร์มใหม่ เพราะธุรกิจนี้ลงทุนค่อนข้างสูงวิธีแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ก็คือ ระดมทุนในรูปของการเพิ่มหุ้นในศูนย์การเรียนรู้แล้วให้สหกรณ์บริหารจัดการ ผลการดำเนินงานออกมาเราก็จ่ายคืนในรูปเงินปันผลไป”
สายฝนกล่าวต่อว่า เดิมทีเราไม่มีฟาร์มกลาง แต่เราจะดูแลเรื่องการตลาดและผลิตอาหารไก่ป้อนให้กับสมาชิก แต่เกิดปัญหาผลิตไข่ไม่เพียงพอความต้องการของตลาด แล้วเราไม่สามารถกำหนดขนาดตามที่ลูกค้าต้องการได้ นี่เหตุผลสำคัญทำให้มีการก่อตั้งฟาร์มเลี้ยงกลางขึ้นมาในปี 2565 เริ่มเลี้ยงไก่ชุดแรกในปี 2566
ปัจจุบันฟาร์มกลางเป็นฟาร์มเลี้ยงอัจฉริยะ มีจำนวน 2 โรงเรือน แต่ละโรงเรือนมี 4 ชั้น มีไก่ยืนกรงโรงละ 3.5 หมื่นตัว ให้ปริมาณไข่ไก่เฉลี่ย 7 หมื่นฟองต่อวัน การบริหารจัดการใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมในทุกขั้นตอนการผลิต วันนี้เรามีปริมาณไข่เฉลี่ยวันละ 7 หมื่นฟอง รวมทั้งของสมาชิกด้วย แต่ถ้าไข่เต็มที่อยู่ที่ 2.7-2.8 แสนฟองต่อวัน
ทุกวันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการตลาด เพราะเรามีร้านค้าของสหกรณ์ขายให้ผู้บริโภคโดยตรง มี บิ๊กซี เซ็นทรัล ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดริมปิง อันนี้ตลาดบน ส่วนตลาดล่างก็ขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่และเครือข่ายสหกรณ์ในภาคเหนือตอนบนทั้งหมดเกือบ 30 สหกรณ์ที่เป็นเครือข่ายของเรา
สำหรับการทำงานของฟาร์มกลางอัจฉริยะ ทุกขั้นตอนทั้งการให้อาหารไก่ เก็บไข่ไก่ ตลอดจนกวาดมูลไก่จากเล้าจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เนื่องจากเป็นระบบฟาร์มปิด โดยพนักงานทำหน้าที่เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น ทั้งการให้อาหาร การลำเลียงไข่ ตลอดจนการทำความสะอาดเล้า
โดยการให้อาหาร จะเซ็ตตั้งระบบเอาไว้วันละ 8 รอบ การเก็บไข่วันละ 3 รอบ เช้า เที่ยง บ่าย โดยไข่จะถูกลำเลียงไปตามสายพานเพื่อคัดแยกเพื่อบรรจุในกล่องเตรียมส่งลูกค้าต่อไป ส่วนการทำความสะอาดเล้า เก็บกวาดมูลไก่ในเล้าในทุกเช้าก็ใช้ระบบอัตโนมัติเช่นกัน
มูลไก่ทั้งหมดจะถูกลำเลียงไปสู่บ่อไบโอแก๊ส เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในในการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม ที่ปัจจุบันใช้แผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายการใช้กระแสไฟฟ้าภายในฟาร์ม
“ตอนนี้เราจะมีเครื่องแปลงกระแสไฟ แปลงแก๊สจากมูลไก่มาเป็นกระแสไฟใช้ภายในฟาร์มของเราเอง เมื่อมีไบโอแก๊สเข้ามาเสริมสามารถลดค่าไฟลงไปครึ่งต่อครึ่ง จากบิลค่าไฟเดือนม.ค. 2568 จากเดิมอยู่ที่ 7 หมื่น ตอนนี้ลดลงเหลือ 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง”
ผู้สนใจเยี่ยมชมศูนย์ศูนย์การเรียนรู้และส่งเสริมอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ในรูปแบบฟาร์มกลาง ติดต่อโทร.08-1884-8186 ได้ทุกวันในเวลาราชการ